ดาวโจนส์ปิดลบ 66 จุด บอนด์ยีลด์พุ่ง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 66 จุด -0.19%, S&P500 -0.25%, Nasdaq -0.10% แรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้นแตะ 4.18% หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐลง จับตาการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ราคาน้ำมันดิบเด้งขึ้นกว่า 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบที่ระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ที่ 35,215.89 จุด ลดลง 66.63 จุด หรือ 0.19% ปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 3 ด้วยแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น หลังฟิทช์ เรทติ้งส์(Fitch Ratings)ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง ส่งผลให้นักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่จับตาการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,501.89 จุด ลดลง 11.50 จุด, -0.25%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,959.72 จุด ลดลง 13.73 จุด, -0.10%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีซื้อขายที่ประมาณ 4.18% และใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 ส่งผลกดดันภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งลดลงมากกว่า 1% และกลุ่มสาธารณูปโภค 2.3% ในขณะที่ความผันผวนของตลาดที่วัดจาก Cboe Volatility index พุ่งสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากซาอุดิอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต โดยหุ้น APA Corporation นำการปรับขึ้นบวกไป 6.4% หุ้น Williams หุ้น Devon Energy และหุ้น Hess ต่างปรับขึ้น 3% หุ้น Diamondback Energy หุ้น Exxon Mobil และหุ้น Halliburton ต่างเพิ่มขึ้นราว 2%

นอกจากนี้หลายคนมองว่าตลาดไม่ได้มีการพักฐานมานาน หรือแม้แต่ปรับฐานเล็กน้อยหลังจากเข้าสู่ขาขึ้นของปี และช่วงต้นสัปดาห์ ทั้ง S&P 500 และ Nasdaq เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน

นอกจากการปรับอันดับเครดิตแล้ว ประเด็นที่นักลงทุนให้ความสำคัญคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยจับตาไปที่การแจ้งผลการดำเนินงานของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี แอปเปิลและแอมะซอนหลังตลาดปิด

หุ้นควอลคอมม์ ผู้ผลิตชิปโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของสหรัฐ ลดลง 8.2% หลังรายได้ไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนหุ้น PayPal ลดลง 12.3% แม้ผลประกอบเป็นตามที่นักวิเคราะห์คาด หุ้น Expedia ลดลง 16.4% จากยอดจองการเดินทางต่ำกว่าที่คาด

จนถึงตอนนี้มี 79% ของบริษัทใน S&P 500 ได้รายงานผลการดำเนินงานแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ราว 82% มีผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 6,000 ราย มาที่ 227,000 รายสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด นอกจากนี้การปลดพนักงานออกเดือนกรกฎาคมลดลงเป็นเดือนแรกในปีนี้ โดยลดลง 42% จากเดือนมิถุนายน แต่ในรอบ 7 เดือนแรกของปีเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 การปลดพนักงานยังเพิ่มขึ้น 203% และการจ้างงานลดลง 83%

ด้าน ADP รายงานการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 324,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 189,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด และค่าจ้างรายปีเพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนกรกฎาคมลดลงมาที่ 52.3 จาก 54.4 ในเดือนมิถุนายน และต่ำกว่า 52.4 ที่นักวิเคราะห์คาด

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงาน ดัชนีภาคบริการเดือนกรกฎาคมลดลงมาที่ 52.7 จากระดับ 53.9 ในเดือนมิถุนายน และต่ำกว่า 53.3 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์รายงาน คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 2.3% จากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพฤษภาคม และสูงกว่า 2.2% ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 0.9% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 0.1%

นักลงทุนยังรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมี่จะเผยแพร่ในวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งและคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ ด้วยความผิดหวังในผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น แม้ตลาดหุ้นลอนดอนฟื้นตัวจากที่ร่วงลงหลัง ธนาคารกลางอังกฤษ(Bank of England)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นไปที่ระดับสูงสุดรอบ 9 เดือน หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และการประกาศชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดของรัฐบาลสหรัฐ

นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของตลาดยังได้รับผลกระทบจากผลสำรวจกิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนเดือนกรกฎาคมที่แย่ลงมากกว่าคาด เพราะทั้งภาคการผลิตและภาคบริการชะลอตัวลง

หุ้น Infineon ในเยอรมนีลดลง 9.3% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาสสี่ว่าจะต่ำกว่าที่ตลาดคาด เพราะอุปสงค์จากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนอ่อนแอ

หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งหุ้น ASML และหุ้น Nordic Semiconductor ลดลง 1.2% และ 2% ตามลำดับ

หุ้นลุฟท์ฮันซ่า ลดลง 5.5% แม้คาดการณ์ความต้องการที่ดีขึ้น แต่นักลงทุนวิตกว่าต้นทุนที่สูงขึ้นจะกระทบกำไร

หุ้นโซซิเอเต้ เจเนเรล ธนาคารใหญ่อันดับสามของฝรั่งเศสบวก 3.5% สวนทางตลาด หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสดีกว่าคาด

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.93 จุด ลดลง 2.91 จุด, -0.63%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,529.16 จุด ลดลง 32.47 จุด, -0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,260.53 จุด ลดลง 52.31 จุด, -0.72%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,893.38 จุด ลดลง 126.64 จุด, -0.79%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 81.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.94 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 85.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล