4 โบรกฯเชียร์ BCP ตั้งเป้าโตเท่าตัวใน 6 ปี

HoonSmart.com>> 4 โบรกเกอร์เชียร์หุ้น BCP เป็นหุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน เดินหน้าสร้างการเติบโตในหลากหลายธุรกิจ โดย BCP ตั้งเป้าเติบโตเท่าตัวใน 6 ปี จาก EBITDA 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท จากทุกกลุ่มธุรกิจ แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/67 จะกลับมาเพิ่มขึ้นจากไม่มีหยุดซ่อมบำรุง และค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรปีหน้าจะถูกหนุนด้วยธุรกิจ SAF และธุรกิจ E&P ล่าสุดหุ้น BCP บวก 2.76% มาที่ 37.25 บาท

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) มองเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง จากภาพการเติบโตมีความชัดเจนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3 ปี 2567 จะกลับมาเพิ่มขึ้นจากการไม่มีหยุดซ่อมบำรุง และค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น และกำไรระยะยาวจะถูกหนุนด้วยธุรกิจ E&P แต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนภาพเติบโตดังกล่าวด้วย P/B ต่ำกว่า BV มาก เพียง 0.7x เทียบกับ ROE ที่สูงถึง 13-14%

BCP ตั้งเป้าหมายเติบโตเท่าตัวใน 6 ปีข้างหน้า จาก EBITDA 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท โดยเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ ธุรกิจ E&P จะมีสัดส่วน EBITDA สูงสุดด้วยการขยายปริมาณการผลิตทั้งผ่าน OKEA และการขยายมายังเอเชีย, ธุรกิจโรงกลั่นและการตลาดได้เพิ่มมูลค่า Synergy การควบรวมกับ BSRC ขึ้นอีกและจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สูงขึ้น, กำไรปีหน้าจะถูกหนุนด้วยการเริ่มผลิต SAF และการเพิ่มปริมาณการผลิตของธุรกิจ E&P

กำไรปีหน้าจะถูกหนุนด้วยธุรกิจ SAF และธุรกิจ E&P โดย BCP อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิต Sustainable Aviation Fuel (SAF) (BSGF) ขนาด 1 ล้านลิตร/วัน(7 พันบาร์เรล/วัน)ด้วยงบลงทุน 8.5 พันล้านบาท (ส่วนของทุน 4.2 พันล้านบาท) มีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 62% รวดเร็วกว่าแผนราว 5% โดยคาด COD ไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับกำไรปีหน้า

นอกจากนั้นกำไรยังถูกหนุนด้วย 1) การเพิ่มปริมาณการผลิตของธุรกิจ E&P จาก 36-40 พันบาร์เรล/วัน เป็น 50 พันบาร์เรล/วัน 2)การเพิ่มกำลังการกลั่นจาก 266 พันบาร์เรล/วัน เป็น 280 พันบาร์เรล/วัน และ 3) การเพิ่มปริมาณขายของธุรกิจการตลาดจาก 1.1 พันล้านลิตร/เดือน เป็น 1.35 พันล้านลิตร/เดือน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของ GRM ทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทั้งจากภาวะอุปสงค์/อุปทานในภาพรวม และจากประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยให้ EBITDA ของ BCP เพิ่มขึ้น 3.5 พันล้านบาท

บล.กรุงศรี แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BCP มอง slightly positive ต่อข้อมูลแผนธุรกิจระยะยาวของ BCP ที่เป้า aggressive สะท้อนโอกาส upside ของ inorganic growth คาดความคืบหน้าอยู่ในช่วงครึ่งแรกปี 2568 โดยบริษัทคงเป้า EBITDA 2573 อยู่ในระดับสูง 1 แสนล้านบาท โตจากการสร้าง Synergy ของธุรกิจโรงกลั่นและการตลาดที่ส่งให้ลดการนำเข้าน้ำมัน และเจาะตลาดเชิงรุกเพิ่ม ทั้ง u-rate, ปริมาณขายต่อสถานีรวมถึงค่าการกลั่นและธุรกิจ E&P ที่แหล่งใหม่เริ่มผลิต รวมถึงโอกาส M&A แหล่งผลิตในเอเชียแปซิฟิค มองครึ่งหลังปี 2567-ปี 2568 มีปัจจัยบวกทั้งการฟื้นของกำไรในไตรมาส 3-4 ปี 2567, ความคืบหน้าของ synergy และ M&A พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 49 บาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BCP มีแนวโน้มเติบโตจากหลากหลายธุรกิจในด้านพลังงาน โดยธุรกิจโรงกลั่นจะได้ประโยชน์จากการ Synergy รวมถึงธุรกิจใหม่คือ SAF นอกจากนี้ ธุรกิจ E&P ยังมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการลลิตต่อเนื่อง รวมถึงการขยายมาที่ภูมิภาคเอเชีย พร้อมให้ราคาพื้นฐานที่ 47 บาท

BCP ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตจากหลากหลายธุรกิจ โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่น บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะสร้าง EBITDA Synergy จากการควบรวมกิจการกับ ESSO ให้ได้ถึง 5,500 ล้านบาทต่อปี เริ่มตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีโโครงการลลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel-SAF)ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า โดยมีกำลังการผลิตรวม 360 ล้านลิตรต่อปี ธุรกิจ E&P ในประเทศนอร์เวย์ ผ่านบริษัท OKEA ตั้งเป้าหมายการผลิตที่ 50 KBOEPD ในปีหน้า และยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนมายังภูมิภาคเอเชีย สำหรับธุรกิจค้าปลีกน้ำมันตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการขายให้ได้ 20% ภายในปี 2568 ในส่วนของธุรกิจ Bio ขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง CDMO รายแรกของอาเซียนตั้งเป้า COD ไตรมาส 1 ปีหน้า ด้านธุรกิจพลังงานสะอาดจะเป็นส่วนธุรกิจที่ช่วยผลักดันเป้าหมายด้านคาร์บอน และมองว่าโอกาสที่จะเติบโตจากการลงทุนพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศยังมีอีกมาก

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองบวกต่อ BCP ที่ตั้งเป้ารายได้ที่ 1 ล้านล้านบาท และ EBITDA ที่ 1 แสนล้านบาท ในปี 2573 ด้วยเงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 60% ลงทุนในธุรกิจ E&P โดย Key driver สำหรับครึ่งหลังปี 2567 จะมาจาก Synergy หลังควบรวมกับโรงกลั่น ESSO ครบ 1 ปี การขยายสถานีค้าปลีกน้ำมัน และธุรกิจ Non-oil มียังมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่อง ส่วนปี 2568 Key driver จะมาจากโครงการ SAF (ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานต์)คาดเริ่มผลิตเดือนเม.ย.2568 และเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจ E&P มาในแถบ Asia pacific แนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 2567 คาดดีขึ้น เพราะไม่มี Maintainance Shutdown เหมือนครึ่งแรกปี 2567 ธุรกิจสถานีบริการน่าจะทรงตัว และธุรกิจ E&P น่าจะฟื้นตัวจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งผลิตใหม่

เมื่อเวลา 14.03 น.หุ้น BCP บวก 2.76% มาที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าซื้อขาย 498.76 ล้านบาท