“คิงส์ฟอร์ด” คาดเแนวต้าน 1,370– 1,380 จุด แนะ GPSC-CPALL

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ลุ้นดัชนียืนเหนือแนวรับ 1,350 – 1,355 จุด หนุนขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,370 – 1,380 จุด หวังแรงหนุนฟันด์โฟลว์ รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครม.ชุดใหม่ ด้านดัชนี PCE สหรัฐฯ ตามคาดชี้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ยก.ย.นี้ แนะทยอยซื้อหุ้นค้าปลีก โรงไฟฟ้า เก็งกำไรอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ GPSC-CPALL

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,350 – 1,355 จุด กรณียืนได้ดัชนียังไม่เสียโมเมนตัมขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ 1,370 – 1,380 จุด คาดดัชนียังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ และรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ครม.ชุดใหม่ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,KAMART หุ้น GULF,GPSC,GUNKUL คาดได้ประโยชน์จากการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่, เก็งกำไรกลุ่มอิเล็ก ฯ DELTA,BBIK,BE8 จากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย.

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ DJIA +0.55%, S&P500 +1.01%, Nasdaq +1.13% ได้แรงหนุนจากสินค้าฟุ่มเฟือย +1.9%, อุตสาหกรรม +1.1% หลัง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผย US PCE ก.ค. อยู่ที่ 2.5% และคาด 2.6% YoY และ ก.ค. 0.2% MoM ตามคาด บ่งชี้โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย.

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ GPSC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 54.75 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ และเป็นจุดสูงสุดของปี เป็นผลจากปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า XPCL ที่เป็นช่วง high season ฤดูฝน แม้มีการหยุดผลิตราว 10 วัน ประกอบกับผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Solar AEPL ที่อินเดียที่คาดว่าดีขึ้นเนื่องจากไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ และค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง ช่วยชดเชยในส่วนของโรงฟ้า SPP ที่มีต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้น ในส่วนประเด็นบวกจากความคืบหน้าการเปิดคัดเลือกพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 รวม 3.6GW ช่วงปลายปี ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่บริษัทจะเข้าร่วม แม้มีการลงทุนใหญ่ในโครงการ AEPL ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาอีกราว 5.3GW

ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 4.78 พันล้านบาท +29%YoY

หุ้น CPALL (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 75.50 บาท) มี Sentiment บวกจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ ขณะที่ในส่วนของกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 6,239 ลบ.(+40.58%YoY, -1.26%QoQ) หนุนด้วยรายได้ 7-11 ที่ยอดขาย +10%YoY, +6%QoQ ทั้งนี้ นอกจากรายได้ที่ดีแล้ว ปัจจัยบวกต่อกำไรยังมาจาก 1.Finance Cost ที่ลดลง YoY 2.การเน้นไปที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า เช่น สินค้า Ready-to-Eat และเครื่องดื่ม และ 3.สัดส่วนของ 7-11 ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบ Makro-Lotus บวกต่อ GPM

ด้านการดำเนินงาน Q3 ช่วงถัดไป เบื้องต้น แม้คาดว่าจะอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่จะกลับมาดีต่อใน Q4 โดย ปัจจุบัน ประมาณการกำไรสุทธิปี67 และ 68 ที่ 23,828 ล้านบาท( +29%YoY) และ 26,224 ล้านบาท ( +10%YoY)