ดาวโจนส์ปิดบวก 183 จุด จับตาเฟดประชุม รอผลดำเนินงาน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 183 จุด ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องนานที่สุดในรอบ 6 ปี นักลงทุนจับตาการประชุม FED-ECB ในสัปดาห์นี้ และการรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของบริษัทจดทะเบียน ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 24กรกฎาคม 2566 ที่ 35,411.24 จุด เพิ่มขึ้น 183.55 จุด หรือ 0.52% ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องนานที่สุดในรอบ 6 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศใหญ่ ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) รวมไปถึงการรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,554.64 จุด เพิ่มขึ้น 18.30 จุด, +0.40%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,058.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.06 จุด, +0.19%

สตีฟ ไอส์แมน ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสที่ Neuberger Berman กล่าวว่า ถึงขณะนี้ไม่มีหลักฐานว่าเศรษฐกิจถดถอย ตราบใดที่ไม่มีการถดถอย ตลาดก็ยังปรับขึ้น นักลงทุนไล่ซื้อ

สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยทดสอบการปรับตัวขึ้นทั้ง การรายงานผลการดำเนินงาน การประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดก่อนถึงครั้งต่อไปในเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 กรกฎาคม

บรรดาเทรดเดอร์รอการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เพื่อจับแนวทางการดำเนินนโยบายในระยะต่อไป เนื่องจากเฟดพยายามทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง

สำหรับ ECB ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 27 กรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั้งในสหรัฐและยุโรป ทำให้มองว่าธนาคารกลางของทั้งสองภูมิภาคใกล้จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

นักลงทุนยังจับตาการายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนระดับโลกทั้งในสหรัฐ ยุโรปและเอเชียซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันสูงถึง 27 ล้านล้านดอลาร์ ทั้งไมโครซอฟต์ เมตาแพล็ตฟอร์มส อัลฟาเบท หลุยส์วิตตอง และซัมซุง อิเล็กทรอนิคส์

กลุ่มพลังงานปรับตัวนำในดัชนี S&P 500 โดยบวก 1.7% หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน เนื่องจากปริมาณตึงตัว บวกกับคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะช่วยกระตุ้นความต้องการ

หุ้นเชฟรอนบวกเกือบ 2% หลังรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสองที่ปรับใหม่นั้นดีกว่าคาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนกรกฎาคมจากเอสแอนด์พี โกลบอลที่ลดลงมาที่ 52.0 ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆในสัปดาห์นี้ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิถุนายน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยหลังการปรับขึ้นของกลุ่มพลังงานและเทเลคอม ถูกจำกัดด้วยความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของยูโรโซนที่มากขึ้น รวมทั้งการลดลงของหุ้นในตลาดสเปนหลังผลการเลือกตั้งไม่มีฝ่ายใดชนะขาด

ดัชนี IBEXหุ้นสเปนลดลง 0.3% หลังจากแตะระดับต่ำสุดรอบสัปดาห์ หลังผลการเลือกตั้งไม่มีกลุ่มซ้ายหรือกลุ่มขวาครองเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้การเมืองสะดุด

หุ้นธนาคารในสเปนทั้ง Banco de Sabadell, Banco Santander และ Caixabank ต่างลดลง 0.3%

นอกจากนี้ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนเดือนกรกฎาคมลดลงมากกว่าที่คาด เป็นผลจากการลดลงของอุปสงค์ในภาคบริการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงมากสุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19

ส่วนการประชุมของธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ ตลาดได้คาดไว้อยู่แล้วว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% แต่การดำเนินนโยบายการเงินหลังจากนั้นยังไม่แน่นอน

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 465.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด, +0.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,678.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.86 จุด หรือ +0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,427.31 จุด ลดลง 5.46 จุด หรือ -0.07%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,190.95 จุด เพิ่มขึ้น 13.73 จุด หรือ +0.09%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล