ดาวโจนส์ปิดบวก 76 จุด จับตาผลการดำเนินงาน Q2

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 76 จุด ปิดระดับสูงสุดของปีนี้ นักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการจากบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.15 ดอลลาร์ “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดร่วง แรงขายหุ้นริชมอนท์นำการปรับตัวลงหุ้นกลุ่มสินค้าหรู หลังเศรษฐกิจจีนโตต่ำกว่าคาด วิตกกระทบกำลังซื้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ที่ 34,585.35 จุด เพิ่มขึ้น 76.32 จุด หรือ 0.22% เป็นการปิดที่ระดับสูงสุดของปี 2023 ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการจากบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,522.79 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด, +0.39%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,244.95 จุด เพิ่มขึ้น 131.25 จุด, +0.93%

หุ้นแอปเปิลบวก 1.7% หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นเจพีมอร์แกน เชสบวก 2.4%

ในช่วงแรกตัวเลข GDP ที่ต่ำกว่าคาดของจีนทำให้วิตกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีผลต่อการซื้อขายของตลาด แต่ปรับขึ้นหลังจากที่นักลงทุนหันมาจับตาการรายงานผลการดำเนินงานในสัปดาห์นี้ ที่จากธนาคารขนาดใหญ่ทั้งแบงก์ออกอเมริกา มอร์แกนสแตนเลย์ โกลด์แมน แซคส์ หลังจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส เวลลส์ ฟาร์โกในสัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ธุรกิจใหญ่อื่นๆ ทั้งยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ลาสเวกัสแซนด์ เทสลาและเน็ตฟลิกซ์ก็มีกำหนดรายงานผลประกอบการเช่นกัน
นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะลดลง 7%

สัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 25-26 กรกฎาคม ส่งผลให้ตลาดขาดปัจจจัยชี้นำ

นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.3% ว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ในการประชุมปลายเดือนนี้

โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดโอกาสที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยลงมาที่ 20% จาก 25% โดยชี้ว่าข้อมูลล่าสุดทำให้มั่นใจว่าการดึงเงินฟ้อลงมาในระดับที่รับได้และไม่มีผลทำให้เกิดภาวะถดถอย
      

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยหุ้นริชมอนท์นำการปรับตัวลงในกลุ่มสินค้าหรู หลังจากเศรษฐกิจจีนโตต่ำกว่าคาด ทำให้วิตกมากขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์จากจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก

หุ้นริชมอนท์ลดลง 10.4% จากยอดขายในไตรมาสแรกลด

ในกลุ่มสินค้าหรู หุ้นแอลวีเอ็มเอช หุ้นแอร์เมส หุ้นเคอริง ลดลงราว 1-4.2%

หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือนลดลงมากที่สุด 2.6% หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ลดลงมากเป็นอันดับสอง 2.1% จากอุปสงค์จากจีนทำให้ราคาโลหะลดลง

นักวิเคราะห์ยังเตือนว่ายังมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่สหรัฐ

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.92 จุด ลดลง 2.91 จุด, -0.63%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,406.42 จุด ลดลง 28.15 จุด, -0.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,291.66 จุด ลดลง 82.88 จุด, -1.12%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,068.65 จุด ลดลง 36.42 จุด, -0.23%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 74.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล