AAI ลบ 4.10% หวั่นมาร์จิ้นไตรมาส 3 ย่อลง จากต้นทุนสูงขึ้น-ผลกระทบ FX

HoonSmart.com>>หุ้น AAI ลบ 4.10% ผู้บริหารเผยผลงานไตรมาส 3 ยอดขายยังโต แต่มาร์จิ้นย่อตัวลงบ้าง จากต้นทุนที่สูงขึ้น-ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง แต่ยังคงเป้ายอดขายปีนี้ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มเป้ายอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงเป็น 5.7 พันล้านบาท ส่วนอาหารพร้อมทานลดเป้าลง 800 ล้านบาท โดยครึ่งปีหลังมาร์จิ้นไม่ดีเท่าครึ่งแรกปี 67 ส่วนงบลงทุนปีนี้คงไว้ 430 ล้านบาท ใช้ปรับปรุงโรงงาน และใช้ใน Automatic Warehouse คาดเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4/67

เมื่อเวลา 15.43 น.หุ้น AAI ลบ 4.10% มาที่ 5.85 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 106.78 ล้านบาท

น.ส.วรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายปี 2567 ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากยอดขายปี 2566 ส่วนยอดขายอาหารพร้อมทานลดเป้าหมายลง 800 ล้านบาท ลดลง 27% จากยอดขายปี 2566 พร้อมปรับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 20-21% ของยอดขายรวม โดยอัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลังอาจจะไม่ดีเท่ากับครึ่งแรกปี 2567 จากสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ากระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น แต่ยอดขายมีโอกาสขยายตัว โดยเฉพาะยอดขายของอาหารสัตว์เลี้ยง และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

สำหรับงบลงทุนในปี 2567 บริษัทคงไว้ที่ 430 ล้านบาท ใช้ในการปรับปรุงโรงงานซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และใช้ใน Automatic Warehouse ขณะนี้อยู่ในขั้นของการเตรียมการ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4 ปี 2567 พร้อมทั้งขยายกำลังการผลิตในส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยงที่บรรจุกระป๋อง 1,800 ตัน/ปี และในส่วนที่บรรจุถุงขยายกำลังการผลิต 2,400 ตัน/ปี คาดว่าจะใช้ได้ในไตรมาส 1 ปี 2568

“ผลดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3 ยอดขายยังมีโอกาสเติบโตได้ แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจจะย่อตัวลงบ้าง จากต้นทุนที่สูงขึ้น และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (FX)”

ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน AAI กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโตไปได้อยู่ เชื่อว่าเมกกะเทรนด์นี้จะยังไม่หายไป เพราะอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องการอาหารที่จะมาช่วยรักษาสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ดังนั้นอาหารสัตว์ของบริษัทฯจึงสามารถตอบโจทย์ผู้เลี้ยงได้ในปัจจุบัน

สำหรับผลดำเนินงานครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมียอดขายรวมเติบโตเกือบ 24% จากยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก อัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีแรก 23.4% ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกปี 2566 ที่มี 10.9% กำไรสุทธิดีขึ้นจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) และผลดำเนินงานที่เติบโตขึ้น โดยบริษัทฯได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.1785 บาท/ หุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 4 ก.ย.2567

สำหรับหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำแค่ 0.2 เท่า ในเดือนส.ค.บริษัทฯมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ 12,750 ล้านบาท โดยมีโรงงาน 2 แห่งที่จ.สมุทรสาคร และบริษัทร่วมทุน (JV) ที่ประเทศจีน (เป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ชนิดเม็ด) กำลังผลิตของบริษัทแบ่งเป็น อาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก (Wet Pet food) 56,000 ตัน/ปี, อาหารพร้อมทาน 17,500 ตัน/ปี, ผลิตภัณฑ์ผลพลยได้อย่างปลาป่น 6,000 ตัน/ปี และอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้ง (JV) 18,000 ตัน/ปี