HoonSmart.com>>มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล เผยผลการเพิ่มธุรกิจใหม่ทำรายได้-กำไรโตต่อเนื่อง เดินหน้าลุยบริหารกองทุน สินเชื่อ อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเก่า มั่นใจปีนี้ตามเป้า
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (KOOL) เปิดเผยว่า บริษัทมีการปรับโครงสร้างใหม่ หลังจากที่เพิ่มธุรกิจการเงิน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามา โดยการยกบริษัท KOOL ให้เป็นบริษัทโฮลดิ้ง และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัทซีแอล เวนเจอร์ (CLV) แต่ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ยังใช้ชื่อเดิมคือ KOOL และเปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.clv.co.th ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.2567
ทั้งนี้ บริษัทซีแอล เวนเจอร์ หรือ CLV ที่เป็นโฮลดิ้งจะถือหุ้นในบริษัทย่อย 7 บริษัท 100% และย้ายธุรกิจจากบริษัทแม่ไปไว้ที่บริษัทลูก ซึ่งมีธุรกิจการเงิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอื่นๆ และธุรกิจร่วมค้า
สำหรับธุรกิจการเงิน มีบริษัท ซีแอล แอ็ดไวเซอรี่ บริษัทขอนแก่น เอเอ็มซี บริษัทสินทรัพย์ธนทวี บริษัทซีแอล ลีส ล่าสุดมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จัสท์
“บริษัทซีแอล ลีส ให้บริการรถเช่าองค์กรธุรกิจ และหน่วยงานราชการ ซึ่งมีทั้งรถผู้บริหาร พร้อมคนขับ รถขนส่งในภาคธุรกิจ และรถโรงเรียน ซึ่งมีลูกค้าพอสมควร ส่วนบริษัทขอนแก่น เอเอ็มซี เข้าซื้อทรัพย์จากบริษัทที่มิใช่สถาบันการเงิน แต่เน้นการซื้อทรัพย์ที่ขอนแก่นเป็นหลัก ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ด้านบริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนทวี จะทำการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายจากสถาบันการเงิน”นายนพชัย กล่าว
นายนพชัย กล่าวว่า ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีบริษัท ซีแอลแอล แลนด์ (CLL) ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันโครงการที่พัฒนาเสร็จแล้ว คือ โครงการสิทธารมย์ พาร์คไลฟ์ เหลือบ้านรอขายอยู่เพียงหลังเดียวเท่านั้น และที่อยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อรอขายอีก 5 โครงการ มีทั้งในกรุงเทพ หัวหิน ชะอำ และมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าด้วยที่อุดรธานี ซึ่งเริ่มมีผู้เช่าเข้ามาแล้ว
บริษัทเจ้าพระยา พัฒนา (CPP) ปัจจุบันมีการซื้อที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนทรงธรรม พระประแดง ซึ่งจะมีการนำมาพัฒนาเพื่อขายและให้เช่า กับอีกหนึ่งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท เอช-ดู (ประเทศไทย) หรือ H-Do ซึ่งร่วมทุนกับบริษัทแอนด์ดู โฮลดิ้ง (ประเทศญี่ปุ่น) อยู่ที่ 49% เพื่อทำธุรกิจให้คำปรึกษาและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มือสอง แล้วนำมาขายต่อ
น.ส.เบญจรัตน์ หัตถชาญชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ การบัญชีและการเงิน บริษัทมาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทเริ่มมีการปรับโครงสร้างธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2565 ที่มีบริษัทย่อยทำธุรกิจให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทเริ่มมีรายได้จากดอกเบี้ยรับเข้ามา จากเดิมที่ทำธุรกิจขายพัดลมไอเย็นเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันก็ยังดำเนินธุรกิจอยู่ปกติ โดยครึ่งปีแรกของปีนี้มีรายได้จากการขาย 280 ล้านบาท การที่มีรายได้จากดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นมา ทำให้บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ด้านต้นทุน ปี 2567 จากการที่มีธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาว ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ ส่วนต้นทุนการขาย การให้บริการ และกำไร ในธุรกิจอื่นๆ ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทกำหนดไว้ ค่าใช้จ่ายบริหารมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เพราะบริษัทมีบริษัทย่อยเพิ่มเติมเข้ามา
“กำไรจากการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นทุกปี โดยครึ่งปีแรกทำได้ 62 ล้านบาท ถ้าเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีการเติบโต 100% กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดงวดครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิเกือบ 50 ล้านบาท จากปี 2566 ที่ทั้งปีที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมา 70 ล้านบาท”น.ส.เบญจรัตน์ กล่าว
นายเกรียงไกร ศิระวณิชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงกรณีที่มีการลงทุนในบริษัทไทยรี ว่า จากการที่บริษัทมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ จึงมองหาการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัทในระยะยาว ซึ่งไทยรี มีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไตรมาส 1 ปี 2567 มีผลขาดทุนบ้าง แต่ไตรมาส 2 ก็มีกำไรแล้ว และมีการจ่ายเงินปันผลทุกปี ราคาหุ้นไทยรีก็ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา