ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 317 จุด คาดเฟดใกล้ยุติปรับขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์บวก 317 จุด +0.93% ดัชนี S&P500 +0.67% Nasdaq +0.55% นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ หวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้เร็วขึ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ จ่อ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 11กรกฎาคม 2566 ที่ 34,261.42 จุด เพิ่มขึ้น 317.02 จุด หรือ 0.93% นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ ด้วยความคาดหวังว่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) พิจารณาที่จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้เร็วขึ้น

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,439.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.73 จุด, +0.67%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,760.70 จุด เพิ่มขึ้น 75.22 จุด, +0.55%

ดัชนีราคาผู้บริโภคมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธนี้ ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตจะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีซึ่งจะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้ออ่อนตัวต่อเนื่องหรือไม่ และธนาคารกลางสหรัฐใกล้จะสิ้นสุดวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วหรือยัง

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนจะเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 กรกฎาคม แต่ไม่แน่ใจว่าเฟดจะตัดสินใจอย่างไรในการประชุมเดือนกันยายน หลังจากข้อมูลการจ้างงานซึ่งเปิดเผยในสัปดาห์ที่แล้วยังแข็งแกร่ง ทำให้วิตกว่าเฟดจะกลับมาขึ้นดอกเบี้ยจากที่คงดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายให้ความเห็นในสัปดาห์นี้ว่า ยังต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกเพื่อคุเงินเฟ้อ แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว

เบรนท์ ชูตต์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนจาก Northwestern Mutual Wealth Management กล่าวว่า ข้อมุลในวันพุธจะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง แต่ไม่ดีพอสำหรับเฟด ที่วิตกต่อเงินเฟ้อที่มาจากค่าจ้าง นอกจากนี้เศรษฐกิจอาจจะถดถอยเพราะเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะเห็นว่าตลาดแรงงานคลายความร้อนแรงและจนกว่าการเติบโตของค่าจ้างจะต่ำกว่า 4%

นักลงทุนยังรอการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองจากบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเริ่มจากธนาคารและสถาบันการเงินรายใหญ่ รวมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ทั้งแบล็คร็อค เจพีมอร์แกน เชส เวลลส์ ฟาร์โก ซิตี้กรุ๊ป ยูไนเต็ดเฮลท์ เป๊บซีโค อีกทั้งจับตาคาดการณ์ผลการดำเนินงานของไตรมาสสาม

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 1.22% หุ้นเชฟรอน บวก 1.84% หุ้นฮัลลิเบอร์ตันเพิ่มขึ้น 4.8% หุ้นชลัมเบอร์เจอร์เพิ่มขึ้น 4.2%

หุ้นเซลส์ฟอร์ซ ผู้ให้บริการคลาวด์ เพิ่มขึ้น 3.9% หลังบริษัทประกาศจะปรับขึ้นราคาการบริการคลาวด์ ซึ่งเป็นการขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
      
      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากการปรับขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ใกล้ที่จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ ขณะที่จีนขยายมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่

กลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 1.8% จากราคาโลหะปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลจากการหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน

จีนขยายการใช้นโยบายบางส่วนในแพ็คเกจช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ออกไปจนถึงสิ้นปี 2567

หุ้นสินค้าหรูที่มีตลาดในจีน ทั้งหลุยวิตตองส์ แอร์เมส และ ริชมอนท์ เพิ่มขึ้นระหว่าง 2% และ 2.3% ขณะที่หุ้นอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อจีนก็เพิ่มขึ้น 1.0%

ไมเคิล วิลสัน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดจาก CMC Markets กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าการขยายมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์จะนำไปสู่มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่การซื้อขายเบาบางลง เพราะนักลงทุนรอการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐในวันพุธ

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ส่งสัญญาณว่า เฟดใกล้สิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 451.72 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด, +0.72%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,282.52 จุด เพิ่มขึ้น 8.73 จุด, +0.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ ที่ 7,220.01 จุด เพิ่มขึ้น 76.32 จุด, +1.07%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,790.34 จุด เพิ่มขึ้น 117.18 จุด, +0.75%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.52% ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.20% ปิดที่ 79.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล