CKP ติดทำเนียบหุ้น ESG100 เป็นปีที่สองติดต่อกัน

HoonSmart.com>>”ซีเค พาวเวอร์  (CKP)” หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่งของภูมิภาค ติดหนึ่งในหุ้น ESG100 ในปี 66 จากผลงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)   “ธนวัฒน์”เผยบริษัทกำหนดกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก “C-K-P”  ทั้ง Clean Electricity – ไฟฟ้าสะอาด  Kind Neighbor – เพื่อนบ้านที่ดี และ Partnership for Life – พันธมิตรที่ยั่งยืน 

นายพิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า การบริษัท ซีเค พาวเวอร์(CKP) อยู่ในกลุ่มหุ้น ESG 100 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทฯ มีการดำเนินงานด้าน ESG โดดเด่นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ที่เน้นผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังน้ำ พลังแสงอาทิตย์ และพลังความร้อนร่วม รวมทั้งได้มีการศึกษาเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน สำหรับใช้เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าที่ 7 การเข้าถึงพลังงานสะอาด (SDG 7: Affordable and Clean Energy)

ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์  ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2566 ด้วยการคัดเลือกจาก 888 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มทรัพยากรและบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน (ปี2565-2566)

“บริษัทได้วางกรอบกลยุทธ์โดยยึดหลักแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนหรือ ESG ผ่านการกำหนดกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก “C-K-P” ครอบคลุมประเด็นสําคัญ ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม (C – Clean Electricity – ไฟฟ้าสะอาด) มิติสังคม (K – Kind Neighbor – เพื่อนบ้านที่ดี) และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (P – Partnership for Life – พันธมิตรที่ยั่งยืน) พร้อมตั้งเป้าหมายและกําหนดตัวชี้วัดความสําเร็จในการดําเนินงาน และวางแผนการดําเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในระยะเวลา 5 ปี ระหว่าง ปี 2565–2569 ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดการพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2) ความหลากหลายทางชีวภาพ 3) การดูแลชุมชนและสังคม 4) การเคารพสิทธิมนุษยชน 5) ความยืดหยุ่นในการดําเนินธุรกิจ” นายธนวัฒน์กล่าว

สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9

การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป