PHG ดิ่ง 22% ป่วน! ตลาดขาย IPO 80 บริษัทจ่อยื่น เล็งจังหวะระดมทุนให้ดี

HoonSmart.com>>ตลาด IPO ช็อค! หุ้นพื้นฐานดี ธุรกิจแกร่ง บริษัทแพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก 6 ก.ค.2566 ราคาดิ่งลงแรงเกินคาดถึง 22.38% เหลือเพียง 16.30 บาท จากราคาขาย 21 บาท/หุ้น ทำให้บริษัทที่เตรียมยื่นเข้าจดทะเบียน 80 บริษัท แหยงไปตามๆกัน  บางแห่งเลื่อนขาย หลายรายขอรอดูภาวะให้ดี มิเช่นนั้นจะได้ราคาต่ำ ขายไม่หมด แถมสอบตกในวันแรกอีกด้วย

ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ยอมรับว่า การปรับตัวลงอย่างรุนแรงของหุ้น PHG ผิดจากความคาดหมาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด เชื่อว่าสถานการณ์นี้ จะส่งผลกระทบต่อการเสนอขายหุ้น IPO บ้าง แต่ไม่น่าจะมีผลต่อจำนวนบริษัทในการยื่นเข้าจดทะเบียนใน SET และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) เนื่องจากมีบริษัทที่ได้รับอนุมัติและเตรียมพร้อมจะยื่นเรื่องเข้าจดทะเบียนแล้วจำนวน 50 บริษัท โดยบริษัทหลายแห่งมีขนาดใหญ่ ชื่อเสียงโด่งดัง รวมถึงบริษัทที่จะยื่นเพิ่มอีก 30 บริษัทในช่วงปลายปี ซึ่งจะเร่งยื่นก่อนประกาศใช้เกณฑ์ใหม่ในปี 2567

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาหุ้น IPO ต่ำกว่าราคาจอง ทำให้บริษัทไม่ต้องรีบเสนอขายหุ้น  สามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเกณฑ์กำหนดให้มีระยะเวลาในการเสนอขายหุ้น 1 ปีหลังจากได้รับอนุญาต

นอกจากนี้บริษัทที่เตรียมจะเสนอขายหุ้นในปี 2566 ทั้งเจ้าของ ที่ปรึกษาทางการเงินรวมถึงอันเดอร์ไรท์หุ้นมักจะกำหนดช่วงราคาในการเสนอขายมาตั้งแต่ปลายปี 2565 เหลือเพียงรอดูผลการดำเนินงานเท่านั้น เมื่อกำไรออกมาเป็นไปตามคาด แต่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย เชื่อว่าจำเป็นต้องเจรจากันใหม่ ต้องยอมลดราคาขายหุ้นลงบ้าง เพื่อให้การระดมทุนประสบความสำเร็จด้วยดี

“หุ้น PHG ปรับตัวลงแรงเกินคาด เพราะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐาน ธุรกิจการแพทย์มีการเติบโตที่ดี ในปี 2565 มีรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เชื่อว่าแนวโน้มปี 2566 ยังคงเติบโตที่ดี มีจุดเด่นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในจังหวัดปทุมธานี เชี่ยวชาญด้านการให้บริการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและโรคซับซ้อนสำหรับแม่และเด็ก ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 15.60 บาท ลดลงอีก 4.29% เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ซื้อขายที่ระดับ P/E เพียง 19.64 เท่า เทียบกับหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มี P/E ที่ประมาณ 30-40 เท่า เชื่อว่าเมื่อภาวะตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้น ราคา PHG ราคาก็จะซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นในโอกาสนี้จึงเหมาะสมที่จะเลือกซื้อหุ้นเพื่อลงทุน” แหล่งข่าว กล่าว

ด้านตัวแทนธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) กล่าวว่า การขายหุ้น IPO จะต้องพิจารณาหลายปัจจัย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เหมาะสม หากไม่ดีก็ต้องให้ส่วนลดมากกว่าภาวะปกติ  เชื่อว่ามีบริษัทหลายแห่งเลื่อนระยะเวลาในการเสนอขายหุ้นออกไป แต่บางบริษัทเลือกไม่ได้มากนัก เนื่องจากมีความจำเป็นต้องการใช้เงินทุน สำหรับการขยายธุรกิจและใช้ชำระหนี้ นอกจากนี้ไม่แน่ใจว่าแนวโน้มภาวะตลาดจะดีขึ้นกว่าช่วงนี้หรือไม่  หากพร้อมก็จะเสนอขายหุ้นทันที

สำหรับหุ้นเข้าใหม่ใน SET และ mai ในปี 2566 (ม.ค.- 7 ก.ค.) มีทั้งสิ้น 19 บริษัทเฉพาะใน SET ทั้งหมด 7 บริษัท ราคาต่ำกว่าจอง IPO  นำโดยบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) ดิ่งลงถึง -48.62% ปิดที่ 1.49 บาท ตามด้วยบริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) ร่วงลง -44.67% ปิดที่ 3.32 บาท และบริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) ลดลง -39.52% ปิดที่ 6.35 บาท

ส่วนหุ้นน้องใหม่ mai มีทั้งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและต่ำกว่าราคาจอง  หุ้นที่แจกกำไรโดดเด่น  คือ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต (READY) ให้ผลตอบแทนสูงถึง 101.37% ราคาปิดที่ 14.70 บาท ขณะที่บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น (ITTHI) ไหลลงมากที่สุด -46% ราคาปิดที่ 1.62 บาท