หุ้นปิดบวก 0.05 จุด แกว่งรอดูสถานการณ์ใน-นอกปท. ต่างชาติขาย 1.5 พันลบ.

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดบวก 0.05 จุด แกว่งไซด์เวย์-วอลุ่มบาง ตลาดยังไม่มีความมั่นใจต้องการรอดูสถานการณ์ก่อน ทั้งการเลือกนายกฯในวันที่ 13 ก.ค. และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ค.นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,503.51 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,189.05 ล้านบาท แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวไซด์เวย์ก่อนผลโหวตนายกรัฐมนตรีจะออกมา แนวรับ 1,480-1,470 แนวต้าน 1,500-1,510 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ก.ค.66 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,490.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด หรือ +0.00% มูลค่าซื้อขาย 35,227.98 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,496.59 จุด ต่ำสุด 1,474.94 จุด

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,503.51 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 95.46 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,189.05 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 781.01 ล้านบาท

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ วอลุ่มเทรดบาง ตลาดไม่มั่นใจจึงต้องการรอดูสถานการณ์ก่อน ทั้งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.นี้ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. รวมไปถึงคืนนี้จะต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งตลาดคาดเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 3.6%

ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาดาวโจนส์ร่วงแรงหลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนออกมาร้อนแรง ซึ่งยิ่งทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐ อายุ 2 ปี ปรับขึ้นมาเกิน 5% ขณะที่ Bond yield อายุ 10 ปี เกินระดับ 4% ไปแล้ว ซึ่งสร้างแรงกดดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น และไม่ดีต่อตลาดหุ้น ทำให้เงินไหลออกไปฝั่งสหรัฐมากกว่า และทำให้ตลาดไม่ไปไหนเท่าไร โดยตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็ติดลบเล็กน้อย ราว -0.1 ถึง -0.4% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่ติดลบ

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าตลาดคงจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ก่อนผลโหวตนายกรัฐมนตรีจะออกมา โดยให้แนวรับ 1,480-1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,510 จุด

“หากพิจารณาจาก EPS ปีนี้ที่คาด 89.33 บาท จะเห็นได้ว่าปัจจุบันดัชนีฯบริเวณ 1,490 จุด เทรด P/E ที่ 16.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ที่ย้อนหลัง 5 ปี จะเทรด P/E 18.8 เท่า และหากย้อนหลัง 10 ปี จะเทรด P/E 18.4 เท่า ทำให้อาจมีแรงซื้อกลับได้ในบางช่วง ส่งผลให้อาจเห็นดัชนีฯรีบาวด์ได้เช่นกัน”

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 129.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -1.52% มูลค่าซื้อขาย 2,012.44 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 26.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -1.83% มูลค่าซื้อขาย 1,434.08 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 98.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท หรือ +3.95% มูลค่าซื้อขาย 1,328.80 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 33.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,190.46 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.40% มูลค่าซื้อขาย 1,156.02 ล้านบาท