BCPกำไร Q2 โตต่อ1,823 ลบ.ครึ่งปีรายได้นิวไฮเฉียด 3 แสนล.-Synergyกว่า 3 พันลบ.

HoonSmart.com>>”บางจาก คอร์ปอเรชั่น” (BCP) โชว์ไตรมาส 2/67 โกยกำไรสุทธิ 1,823.75 ล้านบาท พุ่งขึ้น  298.14%  รวมครึ่งปีกวาดกำไร 4,260.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 % ทุกธุรกิจเติบโต สร้างสถิติใหม่ทั้งรายได้  293,438 ล้านบาท อัตราการกลั่นและปริมาณการจำหน่าย 6,919 ล้านลิตร รับรู้ Synergy กว่า 3,000 ล้านบาท บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy ของปี 67 แล้ว คาดค่าการกลั่นมีแนวโน้มเข้าสู่ระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2/2567 มีกำไรสุทธิ 1,823.75 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.23 บาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,365.68 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 298.14% จากที่มีกำไรสุทธิ 458.07 ล้านบาท หรือ 0.24 บาทต่อหุ้น โดยรวมมีกำไรทั้งสิ้น 4,260.53 ล้านบาท หรือ 2.91 บาท เพิ่มขึ้น 1,061.48 ล้านบาท หรือประมาณ 33.18% จากที่มีกำไรสุทธิ  3,199.05 ล้านบาทหรือ  2.16 บาทต่อหุ้น

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น  เปิดเผยว่า ครึ่งแรกปี 2567  แม้ต้องเผชิญกับ Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดโลก และโรงกลั่นพระโขนงมีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ บางจากฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 293,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  98% คิดเป็น EBITDA รวม 26,072 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  48%  และมีกำไรสำหรับงวดส่วนของบริษัทใหญ่ 4,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท

จากการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูง และการสร้าง Synergy ระหว่างกันภายในกลุ่มบริษัทบางจาก ส่งผลให้รับรู้ Synergy จากผลการดำเนินงานต่อเนื่อง มียอดสะสมกว่า 3,000 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2567 บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy ไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาทในปี 2567 แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy 3,000 ล้านบาทต่อปีในปีต่อ ๆ ไป

นอกจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว บางจากฯ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการประกาศรายชื่อโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) เป็นครั้งแรกในปี 2567 ได้รับการประกาศจาก Financial Times เป็นองค์กรชั้นนำด้านสภาพภูมิอากาศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Climate Leaders 2024) รวมถึงได้รับการจัดอยู่ในดัชนี SET50 ในรอบการคำนวนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2567 ในช่วงที่เหลือของปี 2567 คาดว่า ค่าการกลั่นมีแนวโน้มเข้าสู่ระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจากอุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งบริษัทฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจะบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างรากฐานที่มีเสถียรภาพและมั่นคงเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญในครึ่งแรกของปี 2567 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน (โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา) มี EBITDA 6,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% ได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานของ BSRC ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทบางจากตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2566 อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 251,000 บาร์เรลต่อวัน โดยโรงกลั่นศรีราชามีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่องได้ช่วยชดเชยอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ลดลงของโรงกลั่นพระโขนงที่มีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ (Turnaround Maintenance) เป็นระยะเวลา 27 วัน ( 7 พ.ค.- 2 มิ.ย.2567) นอกจากนี้ยังมีกำไรจากสต๊อก 438 ล้านบาท (รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV)) ช่วยชดเชยปัจจัยกดดันจาก Operating GRM ที่ลดลง

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 4,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100%  มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสร้างสถิติใหม่ที่ 6,919 ล้านลิตร เติบโตมากกว่า 100%  ตามการขยายตัวของเครือข่ายสถานีบริการและฐานลูกค้าอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมมากขึ้นภายหลังการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีของ BSRC ผสานกับการดำเนินแผนกลยุทธ์การตลาดให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยผลักดันยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการรวม 2,214 แห่งทั่วประเทศ

กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด โดยบริษัท บีซีพีจี มี EBITDA 2,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%  โดยปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐฯ ด้วยกำลังการผลิตรวม 857 เมกะวัตต์ และการลงทุนในคลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ และท่อขนส่งน้ำมันในจังหวัดเพชรบุรี ช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ทั้งหมด นอกจากนี้มีการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายไป โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการ

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ มี EBITDA 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า  100%  ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเอทานอลและไบโอดีเซล สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจการตลาด

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA รวม 13,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  43%  โดยปริมาณการผลิตและจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ที่ได้รับโอนสิทธิ์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2566 แหล่งผลิต Brage สามารถเพิ่มกำลังการผลิตและแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่ม COD ในเดือนต.ค. 2566