สะพัด! น้ำมันต่างชาติสนใจซื้อ BCP “ประกันสังคม” ขาย ถอนทุน

HoonSmart.com>> หุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ร้อนแรงผิดปกติ ท่ามกลางข่าวสะพัด บริษัทน้ำมันต่างชาติ สนใจซื้อหุ้นยกล็อตเฉียด 15% ตีมูลค่ามากกว่า 7 พันล้านบาท จากสำนักงานประกันสังคม ด้านบอร์ดจะขายออก ไม่รอความเห็นจากคณะอนุฯ ลงทุน ท่ามกลางเสียงคัดค้าน ขายหุ้นล็อตใหญ่ให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (พีพี) ในราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลู ขัดหลักการต้องเปิดประมูลให้มีคู่แข่งเสนอราคาที่ดีที่สุด และขายหุ้นโรงกลั่นขนาดใหญ่ อาจส่งต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ 

วันที่ 1-2 ส.ค.2567 หุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) มีการซื้อขายผิดปกติ โดยวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้น 6.35 % บวก 2 บาท ปิดที่ 33.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 893.19 ล้านบาท วันรุ่งขึ้นยังคงแรงต่อ 3.73% เพิ่มขึ้น 1.25 บาท ปิดที่ 34.75 บาท มูลค่าหนาแน่นต่อเนื่อง 857.30 ล้านบาท สวนทางตลาดหุ้นโดยรวมที่ทรุดตัวลง 9.67 จุด หรือ -0.73% ดัชนีปิดที่ 1,313.08 จุด

สาเหตุที่หุ้นบางจากฯ ได้รับความสนใจซื้ออย่างร้อนแรง เนื่องจาก มีกระแสข่าวว่า บริษัทน้ำมันต่างชาติสนใจซื้อหุ้นยกล็อตเกือบ 15% จากสำนักงานประกันสังคม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานประกันสังคมเห็นด้วยที่จะขายออก ซึ่งตามขั้นตอนการจะซื้อหรือจะขายหุ้นล็อตใหญ่ จะต้องให้คณะอนุกรรมการบริหารการลงทุน เสนอความเห็นให้ที่ประชุมบอร์ดทราบก่อนตัดสินใจ  แต่เรื่องนี้ยังไม่มีการประชุมคณะอนุกรรมการฯ แต่อย่างใด

บอร์ดสำนักงานประกันสังคม จะใช้ราคาในตลาดเป็นตัวอ้างอิงในการกำหนดราคาขายหุ้นล็อตใหญ่ ซึ่งล่าสุดปิดที่ 34.75 บาท ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (บุกแวลู) ของบริษัทฯ ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ที่ระดับ  54.86 บาท/หุ้น และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 หลังจากบริษัทซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) ถือหุ้นทั้งหมด 76.34% ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทบางจาก ศรีราชา (BSRC)  ทำให้เป็นกลุ่มที่มีโรงกลั่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

ทั้งนี้จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ BCP ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง สัดส่วน 14.18%ของทุนเรียกชำระแล้ว เมื่อรวมกับการซื้อเพิ่ม เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 จำนวน 471,400 หุ้น คิดเป็น 0.0342% ในราคาเฉลี่ย 44.095 บาทต่อหุ้น มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ผ่านบล.เกียรตินาคินภัทร  และวันที่ 18 มี.ค.2567 ได้ขายออก 1,524,100 หุ้น คิดเป็น 0.1106% ผ่าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ทำให้หุ้นจำนวน 205,041,997 หุ้น สัดส่วน 14.8913% หากขายในราคาตลาดของวันที่ 2 ส.ค.ปิดที่  34.75 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 7,125 ล้านบาท

นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้น BCP ให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (พีพี) เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะตามหลักการ การจะขายหุ้นจะต้องได้ราคาดีที่สุด ด้วยวิธีการเปิดประมูลให้มีคู่แข่งหลายรายมาเสนอราคา หรือต้องให้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมาประเมินมูลค่าที่เหมาะสม ก่อนที่จะกำหนดราคาขายหุ้นล็อตใหญ่ขนาดนี้

ขณะเดียวกัน การขายหุ้นบางจากฯ ซึ่งทำธุรกิจโรงกลั่นขนาดใหญ่ ให้กับบริษัทน้ำมันต่างชาติครั้งนี้  หากเข้ามาถือหุ้นสูงเกือบ 15% อาจจะสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย

ด้านนักวิเคราะห์จาก 18 โบรกเกอร์ ให้ราคาเฉลี่ย BCP ที่ 48.28 บาท ราคาสูงสุดที่ 58 บาท (บล.เมย์แบงก์) และต่ำสุด 43 บาท (บล.เคจีไอฯ) โดยบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค.2567 ประเมินราคาเหมาะสมใหม่ที่ 46.50 บาท อ้างอิงค่าเฉลี่ย P/BV ย้อนหลัง10 ปีที่1.0 เท่า (คงเดิม) ทางพื้นฐานคงคำแนะนำ “ซื้อ” ระยะยาวหุ้น มีการเติบโตจากโครงการเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF -Sustainable Aviation Fuel) แห่งแรกในประเทศกำลังผลิต 1 ล้านลิตร/วัน สูงสุดในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีการเติบโตจาก Synergy บริหารงานร่วมกับ BSRC และการขยายธุรกิจทรัพยากรต้นน้ำของ OKEA คาดเงินปันผลงวดครึ่งแรกของปีนี้ที่ 0.70 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ  2.1%