CPNREIT ต่อสัญญาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า-พระราม 2 , CPN จ่อเพิ่มสัดส่วนลงทุนถือ 40%

HoonSmart.com>> กองทรัสต์ CPNREIT ประกาศแผนต่อสัญญาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และพระราม 2 มูลค่ารวมไม่เกิน 25,014 ล้านบาท มั่นใจดำเนินการสำเร็จ ด้วยมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสม สร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ พร้อมการสนับสนุนของ CPN ยืนยันลงทุน CPNREIT ต่อเนื่อง เตรียมเพิ่มสัดส่วนลงทุนจาก 30% เป็น 40% เงินลงทุน 6 พันล้านบาท พร้อมเสนอผู้ถือหน่วยทรัสต์ไฟเขียว 31 ก.ค.66 นี้

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในฐานะผู้สนับสนุน (Sponsor) ผู้ถือหน่วยทรัสต์สัดส่วน 30% และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) เปิดเผยว่า CPN พิจารณาการต่อสัญญาให้กับ CPNREIT สำหรับสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 15 ปี (พร้อมสิทธิในการต่อสัญญาอีก 7 ปี) และให้ต่อสัญญาเซ็นทรัล พระราม 2 ตามเงื่อนไขเดิม 30 ปี โดยให้แบ่งชำระงวด 10 ปีแรก (ยังคงมีสิทธิการเช่าส่วนที่เหลืออีก 20 ปี แต่ตกลงค่าเช่าที่เหมาะสมได้ในอนาคต) รวมมูลค่าไม่เกิน 25,014 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมตามราคาประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระ

นอกจากนี้ CPN มีความตั้งใจลงทุนใน CPNREIT ต่อเนื่อง จากผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ และมั่นใจในศักยภาพของทรัพย์สินในกองทรัสต์ที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมากภายหลังสถานการณ์โควิด-19 และยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดย CPN มีความพร้อมที่เพิ่มสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์จาก 30% เป็นประมาณ 40% คิดเป็นเงินลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนสำหรับการลงทุนครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง CPNREIT และ CPN

นางสาวปัทมิกา พงศ์สูรย์มาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT กล่าวว่า ผู้จัดการกองทรัสต์ได้ดำเนินการตามนโยบายการลงทุนของ CPNREIT เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงด้วยการหาโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในจังหวะและราคาที่เหมาะสม แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องชะลอการลงทุนออกไป ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นผู้จัดการกองทรัสต์จึงได้พิจารณาต่อสัญญาสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล พระราม 2 โดยราคาทรัพย์สินที่จะลงทุนในการต่อสัญญารวมไม่เกิน 25,014 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.สัญญาโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เป็นระยะเวลา 15 ปี มูลค่าลงทุนไม่เกิน 12,161 ล้านบาท

2.โครงการเซ็นทรัล พระราม 2 ที่ได้จดทะเบียนสิทธิการเช่าต่ออีก 30 ปีเรียบร้อยแล้ว โดยชำระค่าเช่าสำหรับ 10 ปีแรก ในมูลค่าไม่เกิน 12,853 ล้านบาท และจะตกลงราคาและการชำระค่าเช่าส่วนที่เหลือในอนาคต

การลงทุนดังกล่าว ผู้จัดการกองทรัสต์มั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อกองทรัสต์และผู้ถือหน่วยทรัสต์ และสร้างความเชื่อมั่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CPNREIT โดยพิจารณาความเหมาะสมของการลงทุนจากปัจจัยดังต่อไปนี้
1.ราคาทรัพย์สินที่จะลงทุนมีความเหมาะสม ในระดับเดียวกับราคาประเมินจากผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย

2.คุณภาพและศักยภาพทรัพย์สินที่จะลงทุน โดยทั้งเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล พระราม 2 เป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าและฐานรายได้ที่มั่นคง โดยสร้างรายได้ให้กับกองทรัสต์กว่าร้อยละ 45 ของรายได้รวมของกองทรัสต์

3.ขนาดการลงทุนและระยะเวลาการเช่ามีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาดปัจจุบัน การปรับเงื่อนไขการชำระเงินของเซ็นทรัล พระราม 2 จะช่วยสนับสนุนให้การจัดหาเงินทุนเพื่อการต่อสัญญาสำเร็จได้ภายใต้สถานการณ์ตลาดปัจจุบัน โดยกองทรัสต์ยังได้รับสิทธิการต่อสัญญาของทั้งสองโครงการ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกองทรัสต์ในการพิจารณาลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคตอีกด้วย

4.ผลตอบแทนจากการลงทุนจากการต่อสัญญาครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วย และผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ตลอดอายุสัญญาสูงขึ้น เมื่อเทียบกับการไม่ต่อสัญญาเช่า

ผู้จัดการกองทรัสต์ได้จัดเตรียมแผนการจัดหาเงินทุนเพื่อให้การลงทุนประสบความสำเร็จ จากแหล่งเงินทุน 2 ส่วนดังนี้

1.กรอบเงินกู้ยืมไม่เกิน 18,000 ล้านบาท แต่ผู้จัดการกองทรัสต์วางแผนจะใช้เงินกู้ยืมประมาณ 15,700 ล้านบาท หรือประมาณสัดส่วนร้อยละ 60 ของเงินระดมทุนทั้งหมด ทั้งนี้ ระดับเงินกู้ยืมภายหลังการต่อสัญญาต่อสินทรัพย์รวมจะไม่เกินร้อยละ 49 ซึ่งเป็นระดับที่ CPNREIT ยังดำรงความสามารถในการชำระหนี้ และบริหารจัดการต้นทุนดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและอายุสิทธิการเช่าของทรัพย์สินได้ และ
2.เงินเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์ครั้งเดียวในปี 2567 ไม่เกิน 1,100 ล้านหน่วย ซึ่งจะเสนอขายทั้งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหม่ ซึ่งจะพิจารณาจัดสรรต่อไป โดย CPN ในฐานะผู้สนับสนุนยังคงมีความตั้งใจลงทุนใน CPNREIT อย่างต่อเนื่องตามที่คุณนภารัตน์ ได้กล่าวข้างต้น

ทั้งนี้ เตรียมเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติการลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้ CPN ยังได้เสนอแผนการปรับปรุงโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ช่วงปี 2567-2568 งบประมาณรวม 1,779 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนการลงทุนของ CPNREIT มูลค่าไม่เกิน 1,100 ล้านบาท ตามสัดส่วนพื้นที่ซึ่ง CPNREIT ลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับภาพลักษณ์ และ Positioning อันจะเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

นางสาวนภารัตน์ กล่าวย้ำอีกครั้งว่า CPNREIT เป็นเงินลงทุนที่สำคัญของ CPN ในการต่อสัญญาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ และ CPN ในฐานะผู้บริหารทรัพย์สินยังคงมุ่งมั่นสร้างการมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินในกองทรัสต์ นอกจากนี้ CPN ขอยืนยันการเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์หลัก (Sponsor) ต่อไปและจะสนับสนุนให้การดำเนินการครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ การดำเนินการครั้งนี้ จะไม่ส่งกระทบต่อฐานะการเงินและโครงสร้างทุน รวมถึงแผนการลงทุนของ CPN โดย CPN ยังคงความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน และจะนำกระแสเงินสดสุทธิจากการต่อสัญญามาเดินหน้าสร้างการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ CPN มั่นใจที่จะร่วมสร้างโอกาสให้ CPNREIT เติบโตต่อเนื่องพร้อมกับ CPN ไปในระยะยาวด้วย