ครม.เคาะเงื่อนไขใหม่กองทุน ThaiESG -โบรกฯ เปิดโพยหุ้นเป้าหมายราคาลงลึก

HoonSmart.com>> ครม.ไฟเขียวปรับเงื่อนไขกองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีได้ 3 แสนบาท ถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) จากเดิม 8 ปี ด้านโบรกฯ ประเมินดึงดูดเม็ดเงินใหม่เข้าตลาดหุ้น หนุนดัชนี คาดหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่เป้าหมายลงทุน ด้านบล.เอเซีย พลัส เปิดโพยหุ้นกลุ่มที่มี ESG RATINGS “AA-AAA” ราคาปรับฐานลงมาลึกตั้งแต่ต้นปี น่าสนใจ ชี้เป้า PTTGC, SCC, SCGP, BGRIM, IVL, AP, BCH, HMPRO, GPSC, PLANB, CPN , BJC

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 ก.ค.2567 ที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund : TESG fund) แล้ว โดยปรับวงเงินลดหย่อนลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมสูงสุด 100,000 บาท ระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) จากเดิม 8 ปี

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ เผยขั้นตอนต่อไปส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณารายละเอียดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะประกาศแก้ไขกฎกระทรวงต่อไป

พร้อมกับมองการปรับวงเงินลดหย่อน TESG เพิ่มขึ้นจากเดิม 1 แสนบาท เพิ่มเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองลงจาก 8 ปีเป็น 5 ปี คาดจะดึงดูดเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นได้มากขึ้น เป็นผลดีต่อ SET Index โดยรวม

สำหรับหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่มี ESG Rating ดีคาดจะเป็นเป้าหมายลงทุนหลัก ชอบ ADVANC, AOT, BBL, BDMS, CPALL, CPF, CPN, PTT, PTTEP, SCB และ TTB

ด้านบล.หยวนต้า ประเมินเป็น Sentiment เชิงบวกให้กับหุ้นที่ได้ ESG Rating สูงในดัชนีระดับสากล (DJSI) เช่น ADVANC, BDMS, BANPU, HMPRO, KBANK, SCB, TRUE, TU เป็นต้น

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ใน SETESG Index ได้แก่ AOT, ADVANC, GULF, CPALL, BDMS, SCB, KBANK, INTUCH, CPN เป็นต้น

บล.เอเซีย พลัส เผยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมีกระแสข่าเตรียมนำกองทุน ThaiESG เข้าครม.ในช่วงกลางสัปดาห์ จึงทำให้เห็นเม็ดเงินซื้อสุทธิหุ้นไทยของสถาบันกว่า 4.6 พันล้านบาท (ช่วง 1=20 ก.ค.2567)แต่หลังจากนั้นกระแสข่าวที่หายไป ทำให้สถาบันขายสุทธิหุ้นไทยจนยอดสุทธิอยู่ที่ 556 ล้านบาท (เดือนก.ค.) หลังจากครม.เห็นชอบแล้ว จึงเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินจากฝั่งสถาบันจะกลับมาซื้อสุทธิและหนุนดัชนีปรัยตัวขึ้นช่วงสั้นได้

“เม็ดเงินที่คาดหวังจากกองทุนใหม่ที่ไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้น ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีเม็ดงินหนุนราว 4-5 หมื่นล้านบาท ตามการเปรียบเทียบด้านเม็ดเงินที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้กับกองทุน LTF เดิม โดยเม็ดงินที่หนุนดัชนี SET ทุก 1 หมื่นลานบาท มักหนุนให้ดัชนีขยับขึ้นได้ 1-2%

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1.คัดกรองหุ้นใน SETESG ที่มี ESG RATINGS อยู่ในระดับสูงสุด “AAA” และยังมี CG REPORT อยู่ในระดับ”ดีเลิศ” หรือ 5 คะแนน น่าจะเป็นหุ้นเป้าหมายอันดับต้น ที่เม็ดเงินของ
นักลงทุนสถาบันและเม็ดเงินจาก THAIESG FUND ใหม่จะไหลเขาได้ผลลัพธ์ 29 บริษัท ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC, CPALL, KANK, SCC, CRC, PTTGC, TISCO , BGRIM, CK,STA, AMATA ,THCOM เป็นต้น

2.คัดกรองหุ้นในSETESG ที่มี ESG RATINGS อยู่ในระดับสูงรองลงมา “AA” ที่ราคาหุ้นต้งแต่ต้นปี (YTD) ปรับฐานลงมาลึกบวกกับปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น IVL, AP, BCH, HMPRO, GPSC, PANB , CPN, BJC เป็นต้น

บล.เอเซีย พลัส มองกองทุน ThaiESG ใหม่ น่าจะจูงใจให้คนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ทั้งในมุมของ Valuation ที่น่าสนใจ การเติบโตที่ยังยืน อีกทั้งข้อบังคับระยะเวลาการถือครองยังสั้นสุด เมื่อเทียบกับกองทุทนประหยัดภาษีอื่นๆ ทั้ง LTF และ SSF โดยกลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นนกลุ่มที่มี ESG RAINGS “AA-AAA” ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปรับฐานลงมาลึก (รวมกลยุทธ์หุ้นกลุ่ม 1 และ 2) อาทิ PTTGC, SCC, SCGP, BGRIM, IVL, AP, BCH, HMPRO, GPSC, PLANB, CPN , BJC เป็นต้น