จี้ก.ล.ต.ฟัน! แอบขายหุ้นกู้รายย่อยเจ๊ง-STARK ยืดสู้ LEONI 19 ก.ย.

HoonSmart.com>> แฉนักลงทุนบุคคลขาดทุนยับเยิน ถือหุ้นกู้ “สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ” รวม 8,267 ล้านบาท ก.ล.ต.เจอตอพบ บล.-แบงก์ แอบขายให้นักลงทุนทั่วไป ไม่ตรวจสอบ KYC ผิดจากไฟลิ่งเสนอขายรายใหญ่-สถาบัน บริษัทนัดประชุม 23 มิ.ย. ผู้ถือหุ้นกู้ 3 รุ่น มูลค่า 6,957.4 ล้านบาท จ่อโหวตผิดนัดไขว้ หลังไม่จ่ายดอกเบี้ย 2 รุ่น นักลงทุนสถาบันไล่ฟ้องผู้สอบบัญชี ร้องก.ล.ต.เรียกดีลอยท์ฯสอบ หรือขอกระดาษทำการตรวจ ไม่เจอการทุจริต นักลงทุนรายย่อยรวมพลังฟ้องกลุ่ม  บริษัทยืดเวลายื่นต่อสู้ LEONI  เป็น 19 ก.ย. นี้ 

แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 2566 ผู้บริหารสำนักงานก.ล.ต.ได้เรียกประชุมผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK)ทั้ง 5 รุ่น เพื่อระดมสมองในการให้ความช่วยเหลือนักลงทุน หลังจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 2 รุ่น คือ STARK239A และ STARK249A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวม 2,241 ล้านบาท ถูกใช้สิทธิ เรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยถึงกำหนดชำระโดยพลันภายใน 30 วัน นอกจากนี้บริษัทจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้อีก 3 รุ่น STARK245A, STARK255A และ STARK242A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวม 6,957.4 ล้านบาท ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะก่อให้เกิดเหตุผิดนัดไขว้ (cross default) หลังจากบริษัทไม่ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 รุ่น และยังมีผลต่อการผิดนัดภายใต้สัญญาทางการเงินอื่น ๆด้วย

 

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลว่า มีผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้สตาร์คฯบางรายมีการขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนทั่วไป ผิดจากไฟลิ่งที่ระบุการเสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ (II&HNW)เท่านั้น โดยผู้จัดจำหน่ายอ้างว่าการจองซื้อผ่านระบบออนไลน์ ผู้ซื้อได้ติ๊กข้อมูลว่ามีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยไม่มีการทำ KYC (Know Your Customer ) กระบวนการในการทําความรู้จักลูกค้า ทีสามารถระบุตัวตน และพิสูจน์ตัวตนได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการไม่ทำ KYC เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกฎหมายหลักทรัพย์ โทษหนัก

” ก.ล.ต.มีส่วนผิดพลาดด้วย ตั้งแต่รับข้อมูลการเสนอขายหุ้นกู้ของสตาร์คฯ ไม่เกิดคำถามเลยหรือ ว่าทำไมถึงมีนักลงทุนรายใหญ่มากถึง 4,500 รายเข้ามาซื้อหุ้นกู้ STARK รวม 5 รุ่น ประเทศไทยมีผู้ลงทุนรายใหญ่มากขนาดนี้ ส่วนผู้จัดจำหน่าย ก็ผิดไม่ได้ตรวจสอบ KYC ไม่สามารถอ้างว่าลูกค้าติ๊กคุณสมบัติว่าเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ตามเกณฑ์ของสำนักงานก.ล.ต. คือ ผู้ลงทุนที่มีความรู้หรือมีประสบการณ์การลงทุน และมีฐานะการเงินตามกำหนด เช่น สินทรัพย์สุทธิไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท หรือรายได้ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาทต่อปี หรือเงินลงทุนในหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไป ถ้ารวมเงินฝากจะเป็น 15 ล้านบาทขึ้นไป  ดังนั้นเมื่อบริษัทฯไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้รวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท  ทำให้คนถือหุ้นกู้ทุกรายได้รับความเสียหายมาก  “แหล่งข่าวกล่าว

 

ส่วนนักลงทุนที่ถือหุ้น STARK ก็ได้ความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย หลังจากราคาดิ่งลงมาเหลือเพียง 0.04 บาท เนื่องจากบริษัทตกแต่งงบการเงิน และไซฟ่อนเงิน โดยสมาคมบลจ.เตรียมยื่นฟ้องบริษัทผู้สอบบัญชี  เนื่องจากบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชีปี 2564 มีกำไร แต่เมื่อบริษัท ไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส เข้ามาสอบบัญชีใหม่ พบว่าปี 2564  พลิกเป็นขาดทุนรวมกับปี 2565 ขาดทุนรวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ทำให้มีขาดทุนสะสมกว่า 1 หมื่นล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 4,404 ล้านบาท เป็นเหตุแห่งการเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“ก.ล.ต.น่าจะเรียกผู้ตรวจสอบบัญชี ดีลอยท์ฯมาสอบถาม หรือขอกระดาษทำการของดีลอยท์ฯเพราะตรวจอย่างไร  จึงไม่เจอการทุจริตในสตาร์คฯ”แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนนักลงทุนรายย่อย  ทางสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยขอทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลผู้เสียหายผ่านทางช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 มิ.ย.นี้ในการยื่นฟ้องกลุ่ม

ด้านบริษัทสตาร์คฯแจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทฯได้ขอขยายเวลาในการยื่นคัดค้านต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศเยอรมนี จากเดิมภายในวันที่ 19 มิ.ย. เป็นภายในวันที่ 19 ก.ย.2566โดยสถาบันอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศเยอรมนีได้อนุมัติการขยายระยะเวลาดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้ทาง LEONIได้ฟ้องเรียกร้องค่าซื้อขายหุ้นกำหนด เป็น 598 ล้านยูโร สูงกว่ามูลค่าซื้อขายหุ้นที่บริษัทเคยเปิดเผยมูลค่าไม่เกิน 560 ล้านยูโร

วันที่ 20 มิ.ย. 2566 ราคาหุ้น STARK ดิ่งฟลอร์ติดต่อเป็นวันที่สอง ปิดที่ 0.04 บาท สำหรับการซื้อขายครึ่งวัน