ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 428 จุด เชื่อเฟดใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์บวก 428 จุด +1.26% ,ดัชนี S&P500 +1.22%, Nasdaq +1.15% หวังการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในรอบนี้ใกล้จะยุติหลังคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ ดีดกว่า 3.44% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดผสมมีทั้งบวกและลบ หลังธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) ลงมติปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ส่งสัญญาณยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 15มิถุนายน 2566 ที่ 34,408.06 จุด เพิ่มขึ้น 428.73 จุด หรือ 1.26% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ด้วยความหวังว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบนี้ใกล้จะยุติลงแล้ว หลังจากที่คงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายน
      
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,425.84 จุด เพิ่มขึ้น 53.25 จุด, +1.22%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,782.82 จุด เพิ่มขึ้น 156.34 จุด, +1.15%

ดัชนี S&P 500 แตะระดับสูงสุดรอบ 13 เดือน ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นแล้ว 31% ในปี 2023

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะต่อไป และหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นแอปเปิ้ลบวก 1.1% และหุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 3.2% ทำลายสถิติเดิมในเดือนพฤศจิกายน 2021

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวทำให้ตลาดคาดว่าเฟด ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1%
      
การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวน 262,000 ราย ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ก็สูงกว่า 245,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนดัชนีราคานำเข้าเดือนพฤษภาคมลดลง 5.9% เป็นการลดลงมากที่สุดนับในรอบ 3 ปี
      
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนจากBaird กล่าวว่า จากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงในต้นสัปดาห์และข้อมูลที่เผยแพร่หลังการประชุมเฟดบ่งชี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ตลาดก็กลับมาปรับตัวขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็ลดลง นักลงทุนไม่เชื่อว่าเฟดจะเข้มงวดเท่าที่นำเสนอและตลาดไม่เชื่อว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้
      
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนธันวาคมปีนี้
      
นอกจากนี้นักลงทุนยังวิเคราะห์การปับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ของธนาคารกลางสหภาพยุโรป ขณะที่ธนาคารกลางหลายประเทศหลักยังคงนโยบายการเงินตึงตัว
      
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐพากันปรับตัวขึ้นหลังธนาคารกลางจีนลดดอกเบี้ยเงินกู้ระยะปานกลาง (MLF) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% มาที่ 2.65% เป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแตเดือนสิงหาคม

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ บวก หลังธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) ลงมติปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดและส่งสัญญานว่าจะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
      
ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% สู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี และปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกันแล้ว ส่วนเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ที่ 6.1% สูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ ECB ถึง 3 เท่า
      
สจ๊วร์ต โคล นักเศรษฐศาสตร์จากEquiti Capital กล่าวว่า ECB ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นแม้ไม่มากนัก แต่เป็นการส่งสัญญานว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก
      
หุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลง 0.8% กลุ่มเทคโนโลยี ลดลง 0.6%
      
หุ้น H&M บริษัทจำหน่ายเสื้อผ้าสวีเดน เพิ่มขึ้น 3.7% จากยอดขายเดือนมิถุนายนที่เพิ่มขึ้น
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.33 จุด ลดลง 0.61 จุด, -0.13%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,628.26 จุด เพิ่มขึ้น 25.52 จุด, +0.34%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,290.91 จุด ลดลง 37.62 จุด, -0.51%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,290.12 จุด ลดลง 20.67 จุด, -0.13%
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.44% ปิดที่ 70.62 ปิดที่ 69.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์ หรือ 3.37% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล