BBL ชูกำไร Q2 1.18 หมื่นลบ.-ครึ่งปี 2.2 หมื่นลบ.รายได้ดอกเบี้ยโต 8% สำรอง 1.9 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพ(BBL) โชว์ผลงานโดดเด่น กำไรโตกว่า 4% ไตรมาส 2/67 ทำได้ 11,806.83 ล้านบาท รวมครึ่งปีกำไร 22,330 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 8.1%  สินเชื่อโต 1.8% จากสิ้นปีก่อน เงินฝากทรงตัว หนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)อยู่ที่ 3.05% บริหารค่าใช้จ่ายคงที่  NPLs 3.2% ตั้งสำรองหนี้ 19,007 ล้านบาท เงินกงทุนแกร่ง ราคาหุ้นวิ่งตลาด ปิดที่ 137.50 บาท + 1.85% 

ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2/2567 มีกำไรสุทธิ 11,806.83 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.19 บาท
เพิ่มขึ้น 513.31  ล้านบาท คิดเป็น 4.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,293.52 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.92 บาท

ส่วนผลงานรวม 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 22,330.48 ล้านบาท หรือ 11.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 907.67  ล้านบาทหรือ 4.24% จากที่มีกำไรสุทธิ 21,422.81 ล้านบาทหรือกำไรหุ้นละ 11.22 บาท

ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิเติบโต ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ และจากการส่งออกที่ปรับตัวขึ้นตามการเร่งซื้อสินค้าและการย้ายฐานมาส่งออกจากไทย

แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ และการเบิกจ่ายของภาครัฐเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ยังคงต้องติดตาม ได้แก่ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงเนื่องจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอาจทำให้แนวนโยบายทางการค้า และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนแปลงจากเดิม แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางขยายตัว การดำเนินกิจการของภาคธุรกิจยังคงเผชิญความท้าทาย
จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อบริบทโลกให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎเกณฑ์ของทางการ

ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ยังคงมุ่งเน้นให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยส่งเสริมการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและการเติบโตอย่างยั่งยืน

ส่วนกำไรสุทธิของครึ่งปีนี้ จำนวน 22,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  4.2%จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 8.1% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.05% สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น จากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี ขณะที่กำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ลดลงตามสภาวะตลาด

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกปีก่อนจากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่  45.6% ในงวดแรกปี 2567 ธนาคารตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 19,007 ล้านบาท โดยพิจารณาภายใต้หลักความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง

“ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,719,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  1.8%จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.2% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 282.5% เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2567 จำนวน 3,184,856 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่  85.4% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.5% 16.1% และ 15.3% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

วันที่ 18 ก.ค. การซื้อขายหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) วิ่งนำกลุ่มแบงก์ ราคาปิดที่ 137.50 บาท บวก 2.50 บาทหรือ + 1.85% มูลค่าซื้อขายสูงถึง 2,042 ล้านบาท ตามด้วยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาทหรือ 0.79% มูลค่าซื้อขาย 1,049.33
ล้านบาท

ส่วน SCB ยังคงร่วงลง 1 บาทหรือ -0.98% ปิดที่ 101.50 บาท ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ของ EA ทำให้นักลงทุนกังวลถึงผลกระทบในการตั้งสำรองสูง หาก EA ไม่สามารถชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และหุ้นกู้

อย่างไรก็ตามราคาหุ้น EA ที่ดิ่งฟลอร์ติดต่อกันสองวัน  เปิดตลาดวันนี้ ไม่ฟลอร์ ที่ระดับ 5.50 บาท ขึ้นไปสูงสุดแตะ 5.80 บาท ร่วงลงไปต่ำสุดที่ 4.72 บาท ปิดที่ 5.30 บาท ติดลบ 1.10 บาทหรือ -17.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 5,445.82 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาปิดต่ำกว่าราคาขาย IPO ที่ 5.50 บาท เมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 30 ม.ค. 2556