“คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนีทรงตัวกรอบ 1,320-1,330 จุด แนะ BEM-TACC

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มดัชนีวันนี้ทรงตัว แนวรับ 1,320 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330 จุด รอรายงานกำไร Q2/67 กลุ่มธนาคาร ตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ทำออลไทม์ไฮ รับยอดค้าปลีกไม่รวมรถยนต์และน้ำมันขยายตัวขึ้น สะท้อนกำลังซื้อผู้บริโภคยังขยายตัวดี แนะหุ้นวันนี้ BEM-TACC

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,320 จุด กรณียืนไม่ได้คาดดัชนีมีโอกาสปรับฐานลงไปที่ระดับ 1,310 โดยมีแนวต้าน 1,330 จุด คาดดัชนีทรงตัวระหว่างรอรายงานกำไร Q2/67 ของกลุ่มธนาคาร กอปรยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แนะนำซื้อเก็งกำไร DELTA,HANA,KCE,GPSC,BGRIM ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงที่ 4.169% กลุ่มเครื่องดื่ม OSP,COCOCO ได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ในและต่างประเทศ

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA +1.85%, S&P500 +0.64%, Nasdaq +0.20% ได้แรงหนุนจากกลุ่ม Real Sector เช่น อุตสาหกรรม, วัสดุ หลัง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดค้าปลีกไม่รวมรถยนต์และน้ำมัน มิ.ย.+0.8% และ พ.ค. +0.3% MoM บ่งชี้กำลังซื้อผู้บริโภคสหรัฐยังขยายตัวดี แม้ว่าอยู่ในภาวะดอกเบี้ยสูง

ขณะที่ดัชนี Russell 2000 หุ้นจดทะเบียนขนาดเล็ก +3.5% สูงสุดนับตั่งแต่ ม.ค. 65 ได้ปัจจัยจากแนวโน้มดอกเบี้ยจะลดลงใน ก.ย.

สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน, การผลิตภาคอุตฯ มิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ก.ค., Beige Book ,ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ มิ.ย. รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BEM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.60 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ปรับตัวขึ้น QoQ, YoY แม้ว่าธุรกิจจะเข้าช่วง Low Season ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าและปริมาณรถใช้ทางด่วน -QoQ, +YoY แต่กำไรของบริษัทจะมีตัวช่วยหนุนจากเงินบันผลของ CKP และ TTW ส่วนแนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะเป็นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM จะปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจาก ครม.เห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสีส้มแล้วจะนัดเซ็นสัญญา 18 ก.ค.67 ขณะที่การลงทุนทางด่วน Double Deck แลกกับการขยายสัมปทานคาดมีความชัดเจนในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.85 พันล้านบาท +11%YoY และ 4.25 พันล้านบาท +10%YoY ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจาก Short Sell ลดลง และการประกาศซื้อหุ้นคืนช่วย limit downside

หุ้น TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 6.55 บาท) กำไรสุทธิ 1Q67 +YoY +QoQ หนุนจากสภาพอากาศร้อนเป็นบวกต่อสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม, การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, และการขายในกัมพูชาตาม 7-11 ด้านการดำเนินงาน 2Q67 แม้อาจมีปัจจัยลบจากแนวโน้มราคากาแฟ(ต้นทุน)ที่สูงขึ้น แต่เบื้องต้นคาดว่า ภาพรวมจะเป็นบวกได้ต่อจาก 1.แรงหนุนเชิงรายได้ตามสภาพอากาศร้อนจัดในเดือน เม.ย.-พ.ค.67 2.การออกสินค้าใหม่ๆเพื่อชดเชยมาร์จิ้น เช่น เจลี่ คอลลาเจน เป็นต้น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TACC* จะอยู่ที่ระดับ 243 ล้านบาท (+17.61%YoY) และ 270 ล้านบาท (+10.97%YoY) ตามลำดับ