ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 210 จุด คาดทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 210 จุด แตะระดับ all-time high นักลงทุนคาด “โดนัลด์ ทรัมป์” จะคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหาร ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง 30 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 15กรกฎาคม 2567 ปิดที่ 40,211.72 จุด เพิ่มขึ้น 210.82 จุด หรือ +0.53% ซึ่งเป็นระดับ all-time high จากการคาดการณ์ของนักลงทุนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมีแนวโน้มที่จะคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และนำพรรครีพับลิกันเข้าสภา มากขึ้น หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารที่ไม่ประสบความสำเร็จ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,631.22 จุด เพิ่มขึ้น 15.87 จุด, +0.28%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,472.57 จุด เพิ่มขึ้น 74.12 จุด, +0.40%

นักลงทุนมองว่าการชนะของทรัมป์น่าจะหมายถึงการลดภาษีมากขึ้น การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ และขึ้นภาษีการค้า

หุ้นขนาดเล็กและธนาคารพุ่งขึ้น ส่วนกลุ่มพลังงาน S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.6%

แซม สโตวอล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research ในรายการ “Worldwide Exchange” ของ CNBC กล่าวว่า ข่าวดีก็คือ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่าที่หู และไม่ได้ถูกสังหาร ด้วยเหตุนี้ คิดว่าตลาดจะยังคงปรับขึ้นต่อ

ตลาดหุ้นยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาสสองที่แข็งแกร่งของธนาคารใหญ่โดย Goldman Sachs รายงานกำไรเพิ่มขึ้น 150% จากธุรกิจวาณิชธนกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังดีดตัวขึ้นจากภาวะที่ไม่มีธุรกรรมนานถึง 2 ปี ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5%

ในขณะเดียวกัน BlackRock รายงานกำไรสูงกว่าประมาณการ เนื่องจากสินทรัพย์ภายใต้การบริหารแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.6 ล้านล้านดอลลาร์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ประมาณ 4.2% จากคาดการณ์ที่ว่านโยบายของทรัมป์จะเพิ่มหนี้รัฐบาลและอัตราเงินเฟ้อ ในขณะที่อัตราผลตอบแทน พันธบัตร 30 ปี ก็เพิ่มขึ้นเพื่อทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนสูงชัน

หุ้นTrump Media & Technology ปิดเพิ่มขึ้นกว่า 30% หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Crypto ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

นักลงทุนยังขานรับการให้ความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) นายเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีซีเมื่อวันจันทร์ ที่ย้ำว่าค่าเงินเฟ้อล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งตอกย้ำความคาดหวังของตลาดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะมีขึ้นในเดือนกันยายน

นายพาวเวลล์ กล่าวว่าเฟดจะไม่รอจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือเป้าหมาย 2% ที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย “ความหมายโดยนัยคือ หากรอจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 2% ก็อาจรอนานเกินไป เพราะระดับความเข้มงวดที่กำลังทำอยู่ หรือระดับความตึงตัวที่ยังคงมีอยู่ ผลกระทบที่อาจผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 2%”
นอกจากนี้นายพาวเวลล์กล่าวอีกว่า ไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะ hard-landing

ตลาดยุโรปปิดลบ หลังการรายงานผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทสินค้าหรู ขณะที่ความเชื่อมั่นยังคงเปราะบางหลังการพยายามลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

หุ้นที่ปรับลงมากที่สุดคือหุ้น Burberry ซึ่งร่วงลง 16.1% หลังจากที่กลุ่มบริษัทหรูสัญชาติอังกฤษเตือนเรื่องผลกำไร ยกเลิกการจ่ายเงินปันผล แล้ะปลี่ยนตัว ซีอีโอ

หุ้น Swatch Group ผู้ผลิตนาฬิการายใหญ่ที่สุดของโลกร่วงลง 9.8% จากรายงานว่ายอดขายและกำไรครึ่งปีแรกลดลงอย่างมาก

หุ้นกลุ่มสินค้าหรู ร่วงลง 9.8% ที่กลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือนลดลง 2.1%

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตา การให้ความเห็นของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก่อนการประชุม ECB

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 518.73 จุด ลดลง 5.35 จุด, -1.02%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,182.96 จุด ลดลง 69.95 จุด,-0.85%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,632.71 จุด ลดลง 91.61 จุด, -1.19%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,590.89 จุด ลดลง 157.29 จุด, -0.84%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 81.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 84.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล