‘orbix INVEST’ น้องใหม่กลุ่มกสิกรไทย ประเดิมส่ง 4 กลยุทธ์เลือกลงทุนคริปโต

HoonSmart.com>> “ยูนิต้า แคปิทัล” บริษัทลูกในกลุ่มธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดตัว “ออร์บิกซ์ อินเวสท์” (orbix INVEST) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้แนวคิด Strategist for Kryptonian ผู้ช่วยมือโปรของคริปโตเนียน ช่วยคัดเลือกสินทรัพย์ บริหารกลยุทธ์การลงทุน พร้อมจัดการความเสี่ยงตามนโยบายการลงทุน นำร่อง 4 กลยุทธ์การลงทุน ด้วยเงินลงทุนขั้นต่่ำ 5,000 บาท พร้อมตั้งเป้าปี 67 จำนวนลูกค้า 2,500 ราย สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) แตะ 1,000 ล้านบาท

​ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล บริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2556 มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จนถึงปีปัจจุบัน 2567 มูลค่าตลาดสินทรัพย์สินทรัพย์ดิจิทัล อยู่ที่ระดับ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการเติบโตอยู่ที่ 140,000% (อ้างอิงข้อมูลมูลค่าตลาดสินทรัพย์สินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดจาก CoinGecko)

ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว 2566 มูลค่าการเติบโตอยู่ที่ 35% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ประกาศอนุมัติกองทุน Bitcoin ETF และ Ethereum ETF ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับในวงกว้าง มีวอลุ่มซื้อขายสูงขึ้นตามการเข้าซื้อของกองทุนขนาดใหญ่ ส่งผลให้ดึงดูดนักลงทุนทั่วไปเข้าถึงโลกการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น

นอกเหนือจากนี้การเปลี่ยนผ่านของ Technology จากยุค Internet สู่ Web 3 ซึ่งถือเป็น The Next Era of the Internet ที่ระบบต่างๆจะมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างโอกาสให้กับธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ได้อย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2030 มีการคาดการณ์ว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีมูลค่าแตะ 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับประเทศไทย มีผู้ที่ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 4 ล้านราย และยังมีโอกาสในการเติบโตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง พบว่าผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มนี้มีประเด็นที่ให้ความสำคัญ 2 เรื่องหลัก คือ ความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะลงทุน และการลงทุนกับผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือและเชื่อใจได้

ล่าสุดบริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด บริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยเปิดตัว ออร์บิกซ์ อินเวสท์ (orbix INVEST) ผู้ให้บริการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านกลยุทธ์จัดการเงินทุน โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการบริหารเงินลงทุน คัดกรองสินทรัพย์ บริหารกลยุทธ์จัดการเงินทุน และจัดการความเสี่ยงตามนโยบายการลงทุน ภายใต้แนวคิด Strategist for Kryptonian ผู้ช่วยมือโปรของคริปโตเนียน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่สนใจลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน orbix INVEST ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้งานง่าย ติดตามการลงทุนได้สะดวก ครบ จบในแอปเดียว ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยบริหารเงินลงทุนให้ รวมทั้งมีทีมสนับสนุนการให้บริการตลอดการลงทุน

ออร์บิกซ์ อินเวสท์ ยึดหลัก 3 ด้านในการให้บริการแก่นักลงทุน ได้แก่

1. ด้านความน่าเชื่อถือ : ช่วยให้นักลงทุนได้ลงทุนกับผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ โดยออร์บิกซ์ อินเวสท์ ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567 นอกจากนี้ ได้เลือกใช้บริการผู้รับฝากทรัพย์สินที่มีความน่าเชื่อถือระดับโลก อย่าง Coinbase ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานสากล

2. ด้านความเชี่ยวชาญ : มีทีมผู้จัดการเงินทุนที่เรียกว่า Kryptonian Strategist ที่มีประสบการณ์การบริหารเงินลงทุนทั้งสินทรัพย์พื้นฐานและสินทรัพย์ดิจิทัลรวมกว่า 20 ปี ช่วยให้มีการคิดกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการลงทุนของผู้ลงทุนได้ในวงกว้าง

3. ด้านความพึงพอใจของผู้ลงทุน : มีทีมช่วยเหลือและให้ความรู้นักลงทุน หรือ Customer Support ที่คอยตอบคำถามและแนะนำการใช้บริการแก่นักลงทุน รวมทั้งมุ่งเน้นการให้ความรู้นักลงทุนผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท

นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่านักลงทุนจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้จากการลงทุน ทางออร์บิกซ์ อินเวสท์ ได้มีการนำร่องธีมกลยุทธ์การลงทุนในช่วงแรก เป็น 4 กลยุทธ์

สำหรับ 2 กลยุทธ์ที่ลงทุนในสินทรัพย์เดียว ได้แก่

1.กลยุทธ์ Orbix Bitcoin Flagship จะลงทุนใน Bitcoin สัดส่วน 98% และอีก 2% ถือเงินสด

2.กลยุทธ์ Orbix ETH Evolution จะลงทุนใน Ethereum สัดส่วน 98% และอีก 2% ถือเงินสด

ด้านค่าธรรมเนียมของกลยุทธ์ที่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวมีค่า Front-end Fee อยู่ที่ 1.5% และมีค่าธรรมเนียม Management Fee อยู่ที่ 1%

สำหรับ 2 กลยุทธ์ที่ลงทุนในหลายสินทรัพย์ ซึ่งบริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ คือ

1.กลยุทธ์ Orbix Ultimate 10 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง โดยลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ และมีปัจจัยพื้นฐานดี ตามกรอบการลงทุน (Investment Framework) ของบริษัท โดยใช้ปัจจัยในเชิงคุณภาพ (Qualitative) และเชิงปริมาณ (Quantitative) เพื่อคัดเลือก 10 สินทรัพย์ โดยมีสัดส่วนการลงทุนตามมูลค่าตลาด ในพอร์ตลงทุน เช่น BTC 76%, ETH 15% และที่เหลือลงทุนตัวอื่นๆ

สำหรับค่าธรรมเนียมของกลยุทธ์นี้มีค่าธรรมเนียม Front-end Fee อยู่ที่ 1.5% และมี Management Fee อยู่ที่ 1.5%

2.กลยุทธ์ Orbix Large-Cap Value Select เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Large-cap ไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าลงทุนสุทธิ และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วยสัดส่วนที่มีการปรับเปลี่ยนตามเทรนด์ของตลาดในแต่ละขณะที่อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยบริหารกลยุทธ์แบบเชิงรุก (active strategy)

สำหรับค่าธรรมเนียมของกลยุทธ์นี้ค่าธรรมเนียม Front-end Fee อยู่ที่ 1.5% และมี Management Fee อยู่ที่ 2%

​ทั้งนี้ ทุกแผนกลยุทธ์การลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน orbix INVEST เริ่มต้นการลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ เพียง 5,000 บาท สามารถเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนได้ง่าย ๆ โดยใช้ K PLUS และรับโปรโมชันพิเศษเพียงเปิดบัญชีและลงทุนครบ 20,000 บาท รับ Cash Back เข้าบัญชี 200 บาท สูงสุดถึง 1,000 บาท หากลงทุนระหว่างวันที่ 10 – 31 ก.ค. 67 โดยจำกัด 1,000 สิทธิ์ รวมทั้งสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น เข้าถึงบทความความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล สิทธ์ได้เข้าร่วมงานสัมมนาของทาง ออร์บิกซ์ อินเวสท์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

“เป้าหมายของ ออร์บิกซ์ อินเวสท์ ระยะสั้น คือการเป็นแพลตฟอร์มในการบริหารกลยุทธ์เงินลงทุนที่เปิดให้นักลงทุนได้ลองสัมผัสประสบการณ์การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล และมุ่งเน้นการเพิ่มความมั่งคั่งให้แก่นักลงทุนโดยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ orbix INVEST ตั้งเป้าสิ้นปี 2567 นี้จะมีผู้ใช้บริการ 2,500 ราย และคาดว่าจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้า 3 ปี AUM แตะ 10,000 ล้านบาท”​ดร.ธนภูมิ กล่าว

สำหรับลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทเป็นนักลงทุนทั่วไป โดยเน้นกลุ่มที่มีประสบการณ์ในการลงทุนกองทุนหุ้นต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งมองว่านักลงทุนจะยอมรับความเสี่ยงและมีความเข้าใจลงทุนในระดับหนึ่ง และเข้าใจผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนกว่าการลงทุนในกองทุนพันธบัตรหรือฝากเงิน ซึ่งในอนาคตมีแผนกลยุทธ์ลงทุนใหม่เพิ่มเติมและช่วงปลายปีนี้บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่ม Corporate ลงทุนได้ เพื่อให้มีความหลากหลายของกลุ่มนักลงทุน