บล.หยวนต้า เชียร์ “เทรดดิ้ง” 6 หุ้นเด่น mai รอการเมืองนิ่ง

HoonSmart.com>>บล.หยวนต้า เชียร์”เทรดดิ้ง”6 หุ้นเด่นในตลาด mai คือ AUCT, BE8, IP, KJL, MASTER และ TNP ช่วงรอการเมืองนิ่ง-วอลุ่มเทรดยังไม่มาก ประเมินจากกำไรไตรมาส 1/66 ออกมาดีและดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, Valuation ไม่แพง, ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าการจัดตั้งรัฐบาลจำกัด และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หากสนใจปันผล 7-9% แนะเล่น KKP, TISCO, NER ในตลาด SET  

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) มีโอกาสกลับมา Outperform SET ในระยะสั้น ระหว่างรอการเมืองนิ่ง หลังผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ของmai ฟื้นตัว โดยมีกำไรสุทธิที่ 2,036 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ -324 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 กลุ่มที่โต YoY คือ สินค้าเกษตร การเงิน อสังหาริมทรัพย์ บริการ และเทคโนโลยี

สำหรับคำแนะนำให้เน้นหุ้น mai มาจาก 4 เหตุผล คือ 1.ไม่ถูกกระทบจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ 2. หุ้นขนาดเล็ก เป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง 3. อัตราการเติบโตของการบริโภคในประเทศ มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับ mai ซึ่งเป็นองค์ประกอบเดียวใน GDP ที่ยังมีการเติบโต 4. อัตราส่วนดัชนีระหว่าง mai : SET ที่ 0.32 เท่า เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง สะท้อนว่าหุ้น mai ไม่ได้อยู่ในระดับที่ร้อนแรงเกินไป

นายณัฐพลกล่าวว่า ได้คัดเลือก 6 หุ้น ที่น่าสนใจเก็งกําไรในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ได้แก่ AUCT, BE8, IP, KJL, MASTER และ TNP โดยอิง 1. ผลประกอบการไตรมาส 1/66 โต YoY และมีสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับกําไรสุทธิทั้งปีก่อน 2. ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตในช่วงที่เหลือของปี 3. Valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต หรือค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 4. ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง D/E Ratio ต่ำ เงินสดในมือสูง หรือกระแสเงินสดจากการดําเนินงานเป็นบวก 5. ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลจำกัด 6. มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหรือมีธีมการลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุน เพียงเก็งกำไรระยะสั้น เพราะสภาพคล่องในการซื้อขายของตลาดหุ้นโดยรวมที่ซบเซาถือเป็นปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อการปรับขึ้นรอบใหญ่ของหุ้นในตลาด mai

“แนะนำแค่เล่น”เทรดดิ้ง”เท่านั้น จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงไปมาก จึงมีโอกาสที่จะเด้งขึ้นได้ และวอลุ่มเทรดโดยรวมของตลาดยังไม่มากแค่ 3-4 หมื่นล้านบาทต่อวัน หากจะเล่นรอบใหญ่ได้วอลุ่มเทรดโดยรวมจะต้องประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม แม้ mai จะมีความน่าสนใจหลายมุมมอง แต่เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายโดยภาพรวมยยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่า mai จะ Outperform SET ได้ในรอบใหญ่ ต้องเป็นช่วงที่มูลค่าการซื้อขายเร่งตัวขึ้น เท่านั้น จึงประเมินการกลับมา Outperform รอบนี้เป็นเพียงภาพระยะสั้น และให้น้ำหนักการลงทุนหุ้น mai เพียงเก็งกําไรเท่านั้น โดยนักลงทุนควรใช้ปัจจัยทางเทคนิคเป็นเครื่องมือช่วยจับจังหวะการลงทุน และให้ Stop loss ทันทีเมื่อราคาเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง

หากนักลงทุนสนใจหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลดี เหมาะที่จะลงทุนหุ้นในตลาด SET มากกว่า เช่นหุ้น KKP ให้อัตราผลตอบแทนปันผลดี 7% ต่อปี , NER ให้ปันผล 7% และ TISCO ให้ปันผล 8-9%