HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี (IRPC )”ประสบความสำเร็จในการขายหุ้นกู้ มูลค่า 12,000 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ เงินทุนช่วยเสริมความแข็งแกร่ง สร้างความสมดุลของการบริหารจัดการเงินทุนและต้นทุนทางการเงินอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการเติบโตต่อไป
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC )เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ IRPC ระหว่างวันที่ 26 และ 29 – 30 พ.ค.ที่ผ่านมานั้ ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี บริษัทฯสามารถออกหุ้นกู้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ จากทั้งผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนสหกรณ์และผู้ลงทุนทั่วไป ส่วนเงินที่ได้จากเสนอขายหุ้นกู้ เป็นการเสริมความแข็งแกร่ง สร้างความสมดุลของการบริหารจัดการเงินทุนและต้นทุนทางการเงินอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการเติบโตต่อไป
IRPC ได้เสนอขายหุ้นกู้ 4 ชุด และหุ้นกู้ดิจิทัล 4 ชุด ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ประกอบด้วย หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.70% ต่อปี หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี และหุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.20% ต่อปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สมํ่าเสมอและมีความมั่นคง
“IRPC ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่าน ที่ไว้วางใจและให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ IRPC ทำให้การเสนอขายครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี”นายกฤษณ์กล่าว
สำหรับ หุ้นกู้ IRPC ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ A-(tha) จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ตอกยํ้าถึงความแข็งแกร่งของสถานะการเงินและธุรกิจของบริษัทฯ ความได้เปรียบในการแข่งขัน และการเป็นที่ยอมรับในฐานะบริษัทที่สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุ และพลังงาน มุ่งต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจโรงกลั่นนํ้ามันและธุรกิจปิโตรเคมีแบบครบวงจร พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ ที่ยังคงคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บริษัทฯขอขอบคุณสถาบันการเงินทั้ง 9 แห่ง ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย หุ้นกู้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร