เปิดตัวกลุ่ม “อรุณเนตรทอง” พันธมิตรอุ้มบิ๊กล็อต EA

HoonSmart.com >> รู้แล้ว !! แบงก์ HSBC รีดหนี้ “สมโภชน์ อาหุนัย” หลัก “พันล้านบาท” ภายใน 3 วัน บังคับขายหุ้นปลาย มิ.ย.ที่ผ่านมา วันแรก (25 มิ.ย.) พี่น้อง “สิริลักษณ์-ชัยวิทย์ อรุณเนตรทอง” บิ๊กล็อตรับไปเกือบ 39 ล้านหุ้น ราคา 17.80 บาท มูลค่าเฉียด 694 ล้านบาท “สมโภชน์” ยอมรับเจ็บแต่ไม่ตาย  ฟอร์ซเซลจบ กลุ่มยังถือหุ้นใหญ่ 51% เดินหน้าแถลงธุรกิจต่อ 2 ก.ค.นี้ 

 นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ ( EA) รายงานสำนักงานก.ล.ต.ว่า วันที่  25 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา บริษัท เอสพีบีแอล โฮลดิง นิติบุคคลในกลุ่ม ได้ขายหุ้น EA จำนวน 3 รายการ แบ่งเป็นจำนวน 11.2 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 17.80 บาทให้กับ สิริลักษณ์ อรุณเนตรทอง (บุคคลรู้จัก) และ จำนวน 8.4 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 17.80 บาท ให้กับ นายชัยวิทย์ อรุณเนตรทอง   และ  19,289,100  หุ้น ราคา 17.74 บาท  ทำให้เหลือหุ้นจำนวน 897,340,900  หุ้น

ทั้งนี้ ทำรายการทำรายการผ่านตลาดหลักทรัพย์ (บิ๊กล็อต ) (HSBC Bank (Singapore) ขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)

 อย่างไรก็ตาม แบงก์ HSBC ยังบังคับขายหุ้น EA ต่อเนื่องตั้งแต่ 25-27 มิ.ย. ซึ่งวันแรก “บุคคลรู้จัก” ทำรายการบิ๊กล็อตดังกล่าว ส่วน 26-27 มิ.ย. เป็นการขายในกระดาน ส่งผลให้ราคาหุ้น EA ร่วงหนัก จากการบังคับขายของแบงก์ดังกล่าว

“สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA  แถลงชี้แจง ยอมรับว่า หุ้น EA  ถูก Force Sell จริง  ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ได้นำหุ้นไปค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งกู้เพียง 3% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีทั้งหมด  ณ ราคาหุ้นเมื่อทำสัญญา โดยสัดส่วน 3% ถือว่าน้อยมาก เทียบมูลค่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ เชื่อมั่นธุรกิจดำเนินตามแผน ไม่มีความเสี่ยงกระทบบริษัท

” ที่ผมต้องออกมาแถลงชี้แจงวันนี้ มีข่าวลือ จนคิดว่า เป็นเรื่องจริง วันนี้ผมจึงต้องพูดเรื่องจริงให้ข่าวลือแพ้ สรุปฟอร์ซเซลวันสุดท้าย 28 มิ.ย.จบผมเจ็บ แต่ไม่ตาย ผมและกลุ่มยังถือหุ้นมากกว่า 51% ” นายสมโภชน์ กล่าว

นายสมโภชน์ เปิดเผยว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมามีข่าวลือในทางลบต่าง ๆ เช่นลือว่าผมขายหุ้นออกไปแล้ว หรือปล่อยข่าวที่ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัท มีทั้งการติดต่อไปยังผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อโน้มน้าวให้ขายหุ้นทิ้ง ในขณะที่จำนวนหุ้นที่ถูก Short Sell ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหุ้นถูกเทขายออกมามาก ๆ ทำให้ราคาหุ้นลดลงและเกิดการถูก Force Sell จนกลายเป็น Snowball ทำให้ทุกคนเสียหาย และในวันนี้ผมก็ถูก Force Sell ด้วยเช่นกันและเป็นคนที่เสียหายมากที่สุด ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าที่ลือกันว่าผมขายหุ้นออกไปก่อนหน้านั้น ไม่เป็นความจริง”

ทั้งนี้นายสมโภชน์ ได้ระบุเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมา ผมพยายามทุกวิถีทางในการเจรจากับสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเสนอทางเลือกให้กับเจ้าหนี้หลากหลายรูปแบบ อาทิ หานักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นโดยทำ Big Lot เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาหุ้นในกระดาน ขอจ่ายชำระบางส่วนพร้อมนำหลักทรัพย์ปลอดภาระที่อยู่กับเจ้าหนี้ มาค้ำประกันเพิ่มขึ้น รวมถึงขอขยายเวลาชำระหนี้จากภายใน 3 วันขยายเป็น 15 วันโดยมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าจะสามารถนำเงินมาชำระคืนได้อย่างแน่นอน เจ้าหนี้ก็ไม่ยอม จึงนำมาสู่การถูก Force Sell ดังกล่าวขึ้น

ผมได้พยายามทำทุกทางอย่างเต็มที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ จากสิ่งที่เกิดขึ้นตัวเองสูญเสีย wealth เป็นมูลค่าหลักหมื่นล้าน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นไปกระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัท กระทบภาพรวมของตลาด ผมขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย

“เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นบทเรียนสำคัญ สิ่งที่เราเคยเข้าใจกันว่า ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่ระดมทุนให้กับบริษัท แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ผมได้เรียนรู้ว่า ทั้งที่สัดส่วนของการกู้เป็นเพียงประมาณ 3% ของมูลค่าทรัพย์สินที่มีทั้งหมด เมื่อเจอข่าวลือ ข่าวปล่อยต่างๆ ที่เกิดขึ้นและการทำ Short Sell เพื่อกดราคาหุ้น ผมยังโดน Force Sell ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้กลายเป็นตลาดทุนเป็นที่ทำลายธุรกิจ ขอให้กรณีของผมถือเป็นกรณีศึกษา อย่าได้เกิดกับใครอีกเลย

สำหรับหุ้นที่เคยนำไปค้ำประกันเงินกู้ได้ถูกบังคับขายเพื่อชำระหนี้หมดแล้ว นับจากนี้แรงเทขายควรจะหมดไปแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้ราคาหุ้น EA น่าจะเริ่มกลับมาสู่สภาพปกติ ส่วนราคาปิดเมื่อสิ้นสัปดาห์ที่แล้ว มองว่าเป็นราคาที่ไม่สะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัท ในอีกมุมหนึ่งวิกฤติที่เกิดขึ้นถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่มองเห็นอนาคตของ EA

“ผมบาดเจ็บนะ…แต่ยังไม่ตาย” วันนี้ปัญหาของผมเคลียร์จบหมดแล้ว ปัจจุบันยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน EA สัดส่วนมากกว่า 33% รวมทั้งพันธมิตรยังถือหุ้นมากกว่า 50% จากนี้จะเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป ผู้บริหารและพนักงานของ EA ทุกคนยังกำลังใจดีมาก พร้อมร่วมมือเป็นพลังที่เข็มแข็งกว่าเดิม ในฐานะผู้บริหารผมยังคงทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและเป็นมืออาชีพ ผมอยากให้นักลงทุนแยกแยะระหว่างเกมการเงินกับปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจออกจากกัน

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่หุ้นถูกเทขายอย่างวิกฤต เป็นวันที่ผมอยู่ต่างประเทศและได้ทำหน้าที่อย่างมืออาชีพในนามบริษัทฯได้ร่วมลงนามเซ็น MOU กับ China Railway Rolling Stock Corporation (CRRC) ผู้ผลิตรถไฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ในฐานะ Strategic Partner ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารในการขับเคลื่อนองค์กร

ทั้งนี้มั่นใจว่าทิศทางที่บริษัทดำเนินการในเรื่อง พลังงานสะอาด การลดก๊าซคาร์บอน เป็นเทรนด์ใหญ่ของโลก และจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยลดก๊าซเรือนกระจกตามที่ได้สัญญาในข้อตกลงระหว่างประเทศ ในส่วนของรายละเอียดของแผนธุรกิจรวมทั้งความกังวลของนักลงทุนที่มีต่ออนาคตของบริษัทจะขอชี้แจงในวันรุ่งขึ้น