AJA ผงาด !! ถือหุ้นใหญ่ SABUY 20.73%

HoonSmart.com >> บอร์ด SABUY ไฟเขียวนำเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนเพิ่มทุน ให้กับ AJA และกลุ่มพันธมิตร มุ่งเป้าลดต้นทุน ขยายศักยภาพสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

วิรัช มรกตกาล

คณะกรรมการ บริษัท สบาย เทคโนโลยี   (SABUY)  ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อผู้ถือหุ้นของ SABUY เพื่ออนุมัติออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 2,547 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขาย จำนวน 1,610 ล้านหุ้น รองรับการขายเจาะจง (PP) ราคาหุ้นละ 1 บาท มูลค่ารวม 1,610 ล้านบาท และจำนวน 850 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่เสนอขายกรรมการและพนักงาน (ESOP) ราคาใช้สิทธิ 1.20 บาท และสัดส่วน 16.59% หากมีการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นและ ESOP

สำหรับนักลงทุน PP ประกอบด้วย โดย บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี  (AJA ) จำนวน 700 ล้านหุ้น หรือ 20.73% ของทุนชำระแล้วหลังเพิ่มทุน และภายหลังเพิ่มทุน AJA จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 21.33%

นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABUY กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ ดึงพันธมิตรต่าง ๆ เข้ามาร่วมกันช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และยังได้การสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ และได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายใหม่ที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของ ecosystem และเล็งเห็นว่าธุรกิจของ SABUY จะสามารถกลับมาแข็งแรงและเติบโตต่อไปได้

การเพิ่มทุนและปรับโครงสร้างธุรกิจของ SABUY เกิดจากความสนใจของกลุ่มผู้ถือหุ้น LOCKBOX ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ SABUY มาตลอด และเล็งเห็นศักยภาพ SABUY โดยกลุ่มผู้หุ้น LOCKBOX ได้ดึงพันธมิตรอื่น ๆ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน

“กลุ่ม LOCKBOX เล็งเห็นว่า การมีผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง AJA จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้กับ SABUY อีกทั้ง สามารถสร้างประโยชน์ร่วมกันในเรื่องช่องทางการขายและบริการ และยังมีส่วนช่วยสนับสนุนงานดูแลและพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ของ SABUY ไม่ว่าจะเป็นตู้เติมเงิน ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ”

ทั้งนี้  SABUY ถือหุ้นใน LOCKBOX เพิ่มขึ้น จากสัดส่วน 20% เป็น 100% ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์จากการรับรู้ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ LOCKBOX แล้ว ยังสอดรับกับหนึ่งในแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของ SABUY ที่ต้องการขยาย touch points ซึ่งมีศักยภาพทั้งด้านข้อมูล และสื่อโฆษณา ทั้งนี้ SABUY และ LOCKBOX เองยังสามารถทำงานร่วมกันทั้งด้านเทคโนโลยี และการดูแลซ่อมบำรุง เนื่องจากมีทีมงานที่มีประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน

ขณะที่นักลงทุนอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร และ/หรือ มีส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจโดยตรง แต่ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้กับ SABUY โดย SABUY เองมองว่าการเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของพันธมิตรและการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยให้ SABUY ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้

SABUY มีเป้าหมายที่จะนำเงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้มาใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับการชำระคืนเงินกู้ และหุ้นกู้ และบางส่วนรองรับเงินทุนหมุนเวียน ซึ่ง SABUY เองยังมีแผนเดินหน้าในการเสริมสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติม และลดภาระดอกเบี้ยจ่ายด้วยการขายธุรกิจ หรือเงินลงทุนบางส่วนซึ่งไม่กระทบต่อธุรกิจหลัก หรือ ecosystem ของ SABUY ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน บริษัทมีเงินกู้สถาบันการเงินอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาท และมีหุ้นกู้ที่ยังไม่ครบกำหนดชำระจำนวน 4.0 พันล้านบาท”

นอกเหนือจากความร่วมมือกันกับพันธมิตร ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเดิมที่มีอยู่เติบโตได้อย่างมั่นคง และช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด SABUY ยังคงให้ความสำคัญในจุดเดิมซึ่งคือกลุ่มคนรากหญ้าที่ไม่สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่หลากหลายได้ โดย SABUY และบริษัทในเครือ เป็นผู้ให้บริการตู้เติมเงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 46,000 เครื่องทั่วประเทศ เป็นเจ้าของและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติมากกว่า 10,000 ตู้ มีแฟรนไชส์ร้านรับส่งพัสดุมากกว่า 24,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นผู้ผลิตบัตรพลาสติกประเภทต่างๆ เป็นผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการให้กับศูนย์อาหาร ร้านอาหาร และร้านค้าปลีก และยังเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ อีกด้วย

นายพิชัย ปัญจสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJA กล่าวว่า   AJA มองเห็นศักยภาพของ SABUY และ synergies ในหลากหลายมิติที่ทั้งสองบริษัทจะสามารถมีส่วนช่วยกันสนับสนุนให้มีการเติบโตยั่งยืน ทั้งยอดขาย การควบคุมค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร AJA เองมีความสัมพันธ์กับทาง SABUY มากกว่า 10 ปี ทีมผู้บริหาร และทีมงานก็มีความสนิทสนม ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานร่วมกันสามารถเกิดประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน AJA ประกอบธุรกิจครอบคลุม 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1. ธุรกิจจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (AJ EV BIKE) จักรยานไฟฟ้า รวมถึงการให้เช่า จำหน่ายและให้บริการแบตเตอรี่ 2. ธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ (Bitcoin Mining) และการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล 3. ธุรกิจร้านค้าภายใต้แบรนด์ The Outlet Pro จำหน่ายรองเท้ากีฬา ชุดกีฬา และอุปกรณ์ กระเป๋าอื่นๆ ภายใต้ชื่อบริษัท แฮปปี้ วิชั่นส์ จำกัด (HAPPY)

4. ธุรกิจการเป็นตัวแทน และให้บริการสมัครสมาชิกอาลีบาบา (Alibaba) ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อบริษัท เอเจ อีคอมเมิร์ช จำกัด (AJE) 5. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์เคมี ภายใต้ชื่อบริษัท เอเจ เอกเกษตร จำกัด (AJK) และ 6. ธุรกิจอื่นๆที่ต่อยอดโอกาสในอนาคต โดย AJA มุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พร้อมปรับกลยุทธ์รองรับความท้าทายใหม่ๆ ในโลกธุรกิจปัจจุบัน

นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  LOCKBOX กล่าวว่า  LOCKBOX เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจตู้ฝากของอัตโนมัติในประเทศไทย ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายได้มากกว่า 50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง จากจุดให้บริการ 150 แห่ง จำนวนธุรกรรมมากกว่า 160,000 รายการต่อเดือน

ทั้งนี้ SABUY เข้าถือหุ้น 20% ใน LOCKBOX ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 และมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกัน โดยได้มีการทำงานร่วมกันกับ SABUY มาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว LOCKBOX เองเล็งเห็นศักยภาพในความแข็งแกร่งด้าน ecosystem ของ SABUY ซึ่งมี touch points กว่า 100,000 จุดทั่วประเทศ สามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจของ LOCKBOX ในปัจจุบันได้

อ่านประกอบ

ตลาดสั่ง SBNEXT ปรับปรุงระบบควบคุมภายใน รายการเกี่ยวโยง-ใช้เงินกู้ไม่ตรงวัตถุประสงค์