ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 328 จุด หวังเจรจาขยายเพดานหนี้คืบ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เด้งแรง ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 328 จุด หรือ 1% S&P500 +1.30% Nasdaq +2.19% นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าการเจรจาขยายเพดานหนี้จะมีการบรรลุข้อตกลง ตลาดยังขานรับการรายงานผลประกอบการ ด้านหุ้นกลุ่มชิปปรับตัวขึ้นด้วยมุมมองทางบวกต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 84 เซนต์ ปิดเหนือ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 26พฤษภาคม 2566 ที่ 33,093.34 จุด เพิ่มขึ้น 328.69 จุด หรือ 1.00% นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าการเจรจาขยายเพดานหนี้จะมีการบรรลุข้อตกลง และขานรับการรายงานผลประกอบการ ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปปรับตัวขึ้นด้วยมุมมองทางบวกต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,205.45 จุด เพิ่มขึ้น 54.17 จุด, +1.30%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,975.69 จุด เพิ่มขึ้น 277.59 จุด, +2.19%

ดัชนี Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ต่อเนื่องและปิดสัปดาห์นี้บวก 2.5% ดัชนี S&P500 บวก 0.3% แต่ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.0%

หุ้นอินเทลบวก 5.8% หุ้นอเมริกันเอ็กซ์เพรสเพิ่มขึ้น 4.1% นำการปรับขึ้นในดัชนีดาวโจนส์

ในเช้าวันศุกร์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลเป็นเวลา 2 ปี

ยาน แฮทซิอุส หัวหน้าฝ่ายวิจัยจากโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ผู้เจรจาดูเหมือนว่าจะใกล้จะได้ข้อตกลง “แม้ว่าจะคาดเดาได้ยากว่าจะมีการประกาศเมื่อใด แต่เราคิดว่าโอกาสสูงสุดที่จะมีการประกาศในวันศุกร์ (26 พ.ค.) หรือในวันเสาร์ (27 พ.ค.) หากเป็นเช่นนั้น อาจเป็นไปได้ว่าจะมีการลงคะแนนเสียงภายในวันอังคาร (30 พ.ค.) หรือวันพุธ (31 พ.ค.) วุฒิสภาก็ต้องเห็นชอบกับข้อตกลงด้วย แม้ว่ามีอุปสรรคด้านขั้นตอน แต่ไม่น่าจะขวางการออกกฎหมายได้ทันท่วงที”

เอ็ด โมยา นักวิเคราะห์อาวุโสจากOanda กล่าวว่า หลังจากที่การเจรจาขายเพดานหนี้บรลลุข้อตกลง ตลาดก็ยังต้องเจอความจริงที่โหดร้ายว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)กำลังจะมีผลต่อเศรษฐกิจ และคาดว่าการยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้จะไม่เห็นจนกว่าสิ้นสุดหน้าร้อน ซึ่งหมายความว่าอาจจะมีการปรับลดลงดอกเบี้ยมากขึ้นในปีหน้า

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานเมื่อคืนนี้ ได้แก่ดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภค(PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ทำให้คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนมิถุนายน

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 0.8% ในสูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด ดัชนี PCEพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายเดือนสูงกว่า 4.6% ที่นักวิเคราะห์คาด และเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบรายปี

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายน

กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.1% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธลดลง 0.6%

มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนพฤษภาคมลดลงมาที่ 59.2 แต่สูงกว่า 57.7 ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน  

หุ้น Marvell Technology พุ่งกว่า 30% หลังเปิดเผยว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีหน้าจากการผลิตชิปเพื่อใช้ในเทคโนโลยี AI

หุ้น Nvidia บวก 2.5% ต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี
      
                  
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ในรอบสัปดาห์นี้ตลาดติดลบด้วยความกังวลมากขึ้นต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ

การเจรจาเพื่อขยายเพดานหนี้ของสหรัฐใกล้จะบรรลุข้อตกลง โดยทำเนียบขาวและสภาผู้แทนราษฎรเห็นตรงกันว่าจะขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลเป็นเวลา 2 ปี แต่จะจำกัดการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ยกเว้นด้านการทหารและทหารผ่านศึก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 จากการคาดการณ์แนวโน้มรายได้ที่สดใสของบริษัท NvidiaและMarvell Technology ซึ่งเป็นบริษัทชิปของสหรัฐ โดยหุ้น ASML Holding เพิ่มขึ้น 4.5% สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี

หุ้นกลุ่มสินค้าหรู ทั้ง LVMH, Hermes และ Kering ปรับตัวขึ้นราว 1.4-2.4%
นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนหน้า
Gabriel Makhlouf ผู้ว่าการธนาคารกลางไอริช กล่าวว่า ECB น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้งเพราะเงินเฟ้อยังสูง
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 461.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.23 จุด, +1.15% เป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดรายวันในรอบ 2 เดือน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,627.20 จุด เพิ่มขึ้น 56.33 จุด, +0.74%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,319.18 จุด เพิ่มขึ้น 89.91 จุด, +1.24%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,983.97 จุด เพิ่มขึ้น 190.17 จุด, +1.20%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 72.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.90% ปิดที่ 76.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล