HoonSmart.com>>เอไอเอส เผยเทรนด์ ESG โลกเหวี่ยงแรง ดันธุรกิจการผลิต ขนส่งและโลจิสติกส์ ต้องหันมาใช้ 5G วางระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ลดการปล่อยคาร์บอน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขัน ลดอุปสรรคการส่งออกสินค้าในเวทีโลก
นายนวชัย เกียรติก่อเกื้อ หัวหน้าส่วนการตลาดลูกค้าองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เอไอเอส เปิดเผยว่า หลังจากที่เอไอเอส มีการพัฒนา 5G สำหรับลูกค้าองค์กรและเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เห็นแรงเหวี่ยงในการหันมาใช้โซลูชั่น 5G กับทางบริษัทมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักๆ มาจากเรื่อง ESG โลก ที่หันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการตั้งเงื่อนไขในการสั่งซื้อสินค้า เช่น หากธุรกิจใดมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง จะถือว่าไม่ดูแลสิ่งแวดล้อม จะทำให้ผู้ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกขายสินค้าไม่ได้
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทฯ มีการสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ โดยมุ่งไปที่ อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ เอสเอ็มอี และองค์กรสาธารณะและภาครัฐ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มผู้ที่นำ 5G และนำระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ นำหุ่นยนต์อัจฉริยะมาใช้มากเป็นอันดับต้นๆ และเห็นผลชัดเจนมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กับ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ทำให้ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน จากประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จากการที่ใช้พลังงานลดลง และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงด้วย ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของ ESG
“การลดการปล่อยคาร์บอนตอนนี้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เพียงช่วยลดต้นทุนพลังงานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการส่งออกด้วย เพราะผู้นำเข้าหรือผู้ซื้อให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูงจะขายสินค้าไปต่างประเทศยาก เพราะผู้ซื้อจะมองว่าไม่ดูแลสิ่งแวดล้อม”นายนวชัย กล่าว
นายนวชัย กล่าวว่า การทำให้ธุรกิจเห็นความสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G เข้าไปใช้นั้น จะทำร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาและหาโซลูชั่นที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพราะพาร์ทเนอร์ที่เป็นลูกค้าจะมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจของตัวเอง จะรู้ปัญหา และรู้ว่าต้องการให้ธุรกิจไปทางไหน ก็มาร่วมกันคิดและออกแบบการทำงานให้เกิดเป็น Digital Evolution ร่วมกันตามแนวคิดของบริษัทฯที่เชื่อเรื่องระบบนิเวศน์ หรือ Eco System
ขณะที่ความกังวลหลักๆ ของธุรกิจที่พบในช่วงที่ผ่านมา มี 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี กังวลว่าลงทุนไปแล้วจะคุ้มไม่คุ้ม กังวลว่าจะทำผิดพลาดไหม
“วันนี้ อยากบอกว่า 1. เรื่องที่ว่าไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี คุณไม่ต้องกังวล สามารถเข้ามาศึกษาได้ที่ศูนย์ AIS EEC-Evolution Experience Center หรือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจ AIS EEC มาดูว่าธุรกิจอื่นๆ ที่เขาทำไปแล้วผลออกมาเป็นอย่างไร 2. เรื่องทำแล้วจะคุ้มไม่คุ้ม ก็ให้มาดูยูสเคสที่ทำไปแล้วว่า เขาทำแล้วลดการใช้พลังงานได้เท่าไหร่ ลดของเสียได้เท่าไหร่ เรามีตัวอย่างให้ดู 3.เรื่องที่กังวลว่าไม่มีใครทำ หรือไม่มีใครมาทำให้ ก็ให้มาร่วมมือกัน ซึ่งเรามีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล จำนวนมาก จะช่วยคลายความกังวลได้”นายนวชัย กล่าว
นายนวชัย กล่าวว่า หากธุรกิจมองว่า การทำธุรกิจตัดสินกันที่ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ทาง EEC หรือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงทาง depa หรือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ก็มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งการที่ภาคธุรกิจยังไม่กล้าปรับหรือเปลี่ยนผ่านกระบวนการผลิต การทำงานเข้าสู่ระบบดิจิทัล เพราะต้องการรอราคาเทคโนโลยีถูกลง ขอบอกว่าตามหลักเศรษฐศาตร์ถ้าจำนวนธุรกิจใช้เทคโนโลยีและ5Gน้อยจะไม่ทำให้ราคาเทคโนโลยีต่ำลง และถ้าปรับตัวช้า หรือไม่ขยับเลย การแข่งขันก็ไม่ง่ายเช่นกัน
ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจลูกค้าองค์กร ยังเป็นเพียงส่วนน้อยของรายได้รวมของบริษัท เพราะเพิ่งเริ่มต้น แต่แนวโน้มอัตราการเติบโตของรายได้จะสูงมาก เพราะเริ่มจากศูนย์ โดยรายได้หลักตามรายงานงบการเงินของบริษัทยังมาจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ รองลงมาคือธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ส่วนรายได้จากลูกค้าองค์กรมาเป็นอันดับสามแต่ยังน้อยมาก