4 หุ้นไก่ตีปีก บราซิลเจอไข้หวัดนก หุ้นแบงก์วิ่งต่อ ดบ.จ่อขึ้น 0.25%

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นไทยร่วง10 จุดก่อนปิดบวก 5.60 จุด เลือกเล่นรายตัวรายกลุ่มมีข่าวดีหนุน 4 บริษัทส่งออกไก่วิ่งฉิ่ว 3.6-6.4% หลังบราซิลเจอไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในนกป่าที่ตาย บล.ฟินันเซียฯเชียร์ GFPT กลุ่มแบงก์ขยับต่อ คาดกนง.เคาะ 31 พ.ค.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%  นักลงทุนสถาบันไทยซื้อหุ้นต่อ 4,305 ล้านบาท สวนทางต่างชาติทิ้งอีก 4,305 ล้านบาท ขายตราสารหนี้ 3,828 ล้านบาท การเมืองยังไม่นิ่ง “บิ๊กป้อม” ปฎิเสธข่าวทิ้งพปชร.ยุบรวมเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลแข่ง ด้านสหรัฐยังไม่ขยายเพดานหนี้ เฟดเสียงแตก ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ -หยุดขึ้นเดือนมิ.ย.

หุ้นวันที่ 23 พ.ค.66 ผันผวนต่อ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่ายหนุนดัชนีปิดที่ 1,534.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.60 จุดหรือ +0.37% มูลค่าการซื้อขาย 49,772.13 ล้านบาท
เกิดจากนักลงทุนสถาบันไทยช้อนต่อ 4,305 ล้านบาท สวนทางต่างชาติทิ้ง 4,305 ล้านบาท และขายตราสารหนี้ด้วย 3,832 ล้านบาท ทั้งนี้แรงขายหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามากก่อนหน้านี้ พุ่งเป้าไปที่หุ้น DELTA ร่วง 5.69% หรือ -5.25บาท ปิดที่ 87 บาท และ AOT ติดลบ 2.08% หรือ -1.50 บาทปิดที่ 70.50 บาท

ขณะที่มีการสลับไปหาหุ้นส่งออกไก่ นำโดย หุ้นบริษัทจีเอฟพีที(GFPT) ปิดที่ 11.60 บาทพุ่งขึ้น 6.42% รวมถึงแรงซื้อเข้ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะแบงก์ขนาดกลาง TTB บวก 4.67% ปิดที่ 1.57 บาท KTB บวก 3.21% ปิดสูงสุดที่ 19.30 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัสรายงานว่า บราซิลประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพสัตว์เป็นเวลา 6 เดือน หลังเจอไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในนกป่าที่ตาย แม้จำนวนนกตายยังน้อย แต่บราซิลทำเร็วและเข้ม เพราะเป็นผู้ส่งออกสัตว์ปีกรายใหญ่ของโลก โดยเป็นผู้เลี้ยงไก่มากเป็นอันดับ 3 ของโลก และส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ของโลก (ส่วนไทยส่งออกไก่เป็นเบอร์ 4 ของโลก)

บราซิลถือเป็นคู่แข่งรายหลักของไทย โดยเฉพาะตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จุดแข็งที่บราซิลเหนือไทยคือ ต้นทุนการเลี้ยงที่ต่ำกว่า ทำให้ราคาขายถูกกว่าไทย ที่ผ่านมาไทยจึงเน้นส่งออกสินค้าที่ Premium กว่าหรือมีมูลค่าเพิ่มมากกว่า

ข่าวนี้ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มไก่ หากสถานการณ์ไข้หวัดนกในบราซิลยังลุกลาม อาจทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น และอาจหันมานำเข้าไก่จากไทยมากขึ้นก็เป็นได้ จะส่งผลบวกต่อทั้งปริมาณการส่งออก และราคาไก่ของไทย

“ปัจจัยนี้เป็นบวกต่อ CPF,BTG,TFG และ GFPT ซึ่งมีรายได้ส่งออกไก่ แต่ถ้ามีน้ำหนักต่อรายได้รวมมากสุด ต้องเป็น GFPT เพราะเป็นไก่ล้วน”บล.ฟินันเซียไซรัสระบุ

ด้านบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการประชุม กนง. วันที่ 31 พ.ค. 66  ที่ประชุมกนง. คงมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.00% ซึ่งอาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวัฏจักรนี้  และมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.00% ไปตลอดปี 2566 หากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะยังคงเผชิญความผันผวน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งจดหมายเตือนฉบับที่ 3 ถึงสภาคองเกรส ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กระทรวงการคลังจะไม่สามารถชำระหนี้ของรัฐบาลได้ หากไม่มีการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ มูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หลังจากการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้รอบใหม่ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ
และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้

ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีนี้ และหากเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ไม่ได้เป็นการบ่งชี้ว่าเฟดได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพตลาดโดยรวมบวก หลังจากที่สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ทั้งดัชนีฯหลุดต่ำกว่าระดับ 1,500 จุด, การจะขึ้นค่าแรงงานทำให้ประเมินผลกระทบต่อกำไรโดยรวมราว 5% ซึ่งถือว่าไม่มาก และพรรคเพื่อไทยก็ได้ปฏิเสธที่จะดีลกับพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงพรรคก้าวไกล ก็รับทราบถึงปัญหาของภาคอุตสาหกรรม ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่น่าจะมีความคืบหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร, อาหาร และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่มีการผูกขาดเท่าไร เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ที่มีผู้เล่นน้อยราย ทำให้วิตกจะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการครอบงำ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ ต่างก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยยังเฝ้าติดตามการเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐ แม้ว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดในเอเชียไม่มาก แต่เมื่อไรที่จบได้ก็จะทำให้ตลาดเกิดใหม่ผ่อนคลายได้มากขึ้น

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (2ภ พ.ค.) ตลาดฯคงจะแกว่งฟื้นตัว โดยมีแนวรับ 1,525 จุด แนวต้าน 1,540 จุด

ด้านพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธกระแสข่าวจะวางมือทางการเมือง โดยระบุว่า ยังไม่ได้คิด และปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ถึงกระแสข่าวที่จะให้นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคฯ มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน โดยยืนยันว่ายังคงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อไป

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพรรคพลังประชารัฐ จะยุบรวมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้พูด ไม่ได้คิดอะไรเลย