หุ้นเหวี่ยงเฉียด 40 จุด มึนโผรัฐบาล ปัจจัยนอกป่วน

HoonSmart.com>>หุ้นไทยเหวี่ยงขึ้น-ลงรุนแรงวันเดียวเกือบ 40 จุด ดิ่งลงลึกสุดหลุด 1,500 จุด ร่วง 23.77 จุด ดีดกลับสูงสุด  1,531.01 จุด ก่อนปิดบวก 14.35 จุด ที่ระดับ 1,529.24 จุด รับแรงซื้อกลับแบงก์-ไฟฟ้า  ฝีมือสถาบันไทยช้อน 2,351 ล้านบาท หลัง 8 พรรค ตั้งโต๊ะแถลง MOU จัดตั้งรัฐบาล 313 เสียง จับตาพปชร.แถลง 23 พ.ค. มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  จะลาออกจากหัวหน้าพรรค เปิดทางให้ ส.ส. ย้ายไปซบพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล  ตลาดยังคงไม่แน่นอน ปัจจัยเศรษฐกิจ-แบงก์สหรัฐอ่อนแอ  ธปท.การันตีธนาคารไทยแกร่ง 

ตลาดหุ้นวันที่ 22 พ.ค.66 ผันผวนอย่างหนักเปิดตลาดร่วงลงแรงท่ามกลางวอลุ่มซื้อขายหนาแน่น ดัชนีร่วงลงไปลึกสุดแตะ 1,491.12 จุด และดีดขึ้นสูงสุด 1,531.01 จุดก่อนปิดที่ระดับ 1,529.24 จุด  บวก 14.35 จุด หรือ +0.95% มูลค่าซื้อขาย 55,532.65 ล้านบาท เกิดจากนักลงทุนสถาบันไทยซื้อสุทธิ 2,350.56 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,469 ล้านบาท และนักลงทุนไทยขายสุทธิ 1,392.58 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดอนุพันธ์ 19,078 สัญญา ส่วนรายย่อยทิ้ง 15,491 สัญญา กองทุนขาย 3,587 สัญญา ด้านค่าเงินบาทอ่อนตัว ปิด 34.44/45  เนื่องจากภาพจัดตั้งรัฐบาลไม่ชัด

ตลาดหุ้นที่พลิกกลับมาบวกได้ เกิดจากแรงซื้อหุ้นแบงก์ รวมถึง DELTA ปิดบวก 3.65%ปิดที่ 92.25 บาท ตามด้วยกลุ่มไฟฟ้าและ ADVANC คาดหวังทางบวกจากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกับแกนนำอีก 7 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และ พรรคพลังสังคมใหม่ ตั้งโต๊ะแถลงข้อตกลง MOU ในการจัดตั้งรัฐบาล 313 เสียง ซึ่งประกอบไปด้วยการผลักดัน 23 วาระสำคัญ และ กำหนด 5 แนวทางการทำงานร่วมกัน โดยไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรื้อคดีการเมือง และการแก้ไขมาตรา 112

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นัดวันที่ 23 พ.ค.2566 แถลงทิศทางขับเคลื่อนพรรคหลังเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และสละสิทธิจากตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 จะมีการประกาศยุบพรรค เพื่อเปิดทางให้ ส.ส. ย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะส่งผลให้พรรคเพื่อไทยมีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 141 คน เพื่อเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ผันผวนมาก โดยในช่วงเช้าปรับตัวลงไปต่ำกว่าระดับ 1,500 จุด ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาได้ในช่วงบ่าย ซึ่งมองว่าปัจจัยการเมืองในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล จะมีสองฝ่ายที่มีมุมมองแตกต่าง ฝ่ายหนึ่งก็มองถึงความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนอีกฝ่ายก็เชื่อมั่นว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากปรับตัวลงไปมาก

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็เคลื่อนไหวไซด์เวย์ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับต้องติดตามผลการเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐในคืนนี้ต่อ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ค.) ตลาดคงจะยังผันผวนตามพัฒนาการการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด แนวต้าน 1,535-1,540 จุด

นักวิเคราะห์กล่าวว่า  ตลาดหุ้นยังปรับตัวขึ้นไม่ได้ เพราะมีปัจจัยต่างประเทศกดดัน โดยเฉพาะเรื่องธนาคารในสหรัฐอ่อนแอ ยังมีโอกาสล้มลงอีกหลายแห่ง รวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง(เฟด) และเศรษฐกิจสหรัฐที่เข้าสู่ภาวะถดถอย

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 0.51% ชะลอลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการชำระคืนหนี้ของภาครัฐ ธุรกิจขนาดใหญ่ และซอฟ์ทโลน รวมทั้งการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ โดยธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนหนึ่งระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีการบริหารจัดการคุณภาพหนี้และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพระดับสาม ( NPLs ) ณ ไตรมาส 1 ลดลงมาอยู่ที่ 4.98 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.68%

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ดีขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น สุทธิกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินรับฝากและการส่งเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินกลับสู่ระดับปกติ ประกอบกับกำไรจากตราสารอนุพันธ์เป็นสำคัญ แม้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายสำรองจะเพิ่มขึ้นก็ตาม