“ปูนซิเมนต์ไทย” คาดกำไรไตรมาส 4 แนวโน้มอ่อนตัวลงตามภาวะปกติ บวกสงครามการค้า เศรษฐกิจโลก และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรลดลง เตรียม 6 มาตรการรับมือผลกระทบ เพิ่มตลาดใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ ต้นทุน ทบทวนแผนลงทุน เริ่มเห็นผลปีหน้า
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/61 มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง เนื่องจากเป็นเรื่องปกติที่ไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่อ่อนแอ และเมื่อรวมกับความไม่แน่นอนในเรื่องของสงครามการค้า เศรษฐกิจโลก และอัตรากำไร(มาร์จิน) ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลง
“ปัญหาสงครามการค้าไม่รู้สถานการณ์จะยืดเยื้อแค่ไหน แต่ก็มีทั้งวิกฤติและโอกาส ซึ่งโอกาส คือ บริษัทสามารถส่งสินค้าไปขายในตลาดสหรัฐเมริกาและตลาดจีนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันจีนก็จะมาแข่งขันในตลาดเอเชียและอาเซียนมากขึ้น เพราะภาษีนำเข้าในสหรัฐสูงขึ้น”นายรุ่งโรจน์ กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะมีการรับมือกับสถานการณ์เรื่องสงครามการค้ากับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกใน 6 ด้าน ได้แก่ 1.การขยายโอกาสส่งออกในการหาตลาดใหม่ๆ 2. การบริหารจัดการต้นทุนพลังงาน เช่น การล็อคต้นทุนสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้า ทำให้รู้ต้นทุนที่แท้จริง 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 4.การพัฒนานวัตกรรมสินค้าและการบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 5.การเพิ่มประสิทธิภาพเงินทุนหมุนเวียน 6.การทบทวนโครงการลงทุนและต้นทุนการลงทุน
“ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะลดการลงทุนในโครงการใด แต่คาดว่าจะมีผลในปีหน้า เนื่องจากแผนในปีนี้ 4-4.5 หมื่นล้านบาทคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ปีหน้า 5-6 หมื่นล้านบาท อาจต้องทบทวนโครงการที่ไม่จำเป็น ซึ่งธุรกิจที่จะลดการลงทุน บางธุรกิจที่มองว่าจำเป็นต้องหาพันธมิตรก็จะขายหุ้นให้ส่วนหนึ่ง หรือธุรกิจไหนที่แข่งขันไม่ได้หรือไม่มีความสามารถเติบโตก็ต้องขายออกไป”นายรุ่งโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปีนี้มีการลงทุนทั้งสิ้น 3.5 หมื่นล้านบาท
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาเติบโตได้ดี แม้เดือนก.ย.การส่งออกจะลดลง 5.2% ซึ่งยังไม่แน่ใจเป็นสถานการณ์ชั่วคราวหรือต่อเนื่อง แต่ทำให้ความต้องการใช้ปูนและการขายปูนในประเทศดีขึ้นปรับเพิ่มขึ้น 6% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เนื่องจากการลงทุนทั้งโครงการลงทุนของภาครัฐและเอกชน
สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีมีแนวโน้มลดลง จากเศรษฐกิจโลก ทำให้ลูกค้าลดการสั่งซื้อและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้ส่วนต่างราคาสินค้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีแคบลง
ส่วนผลดำเนินงานในปี 2561 คาดยอดขายติบโตประมาณ 7% จากปีที่ผ่านมา ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตามแผนการลงทุนภาครัฐ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยังอยู่ในทิศทางที่ดีมาก
อ่านประกอบ