“คิงส์ฟอร์ด”คาดดัชนี Sideway Up แนะหุ้นได้ประโยชน์เม็ดเงิน TESG จ่อเข้า

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนีมีโอกาส Sideway Up จากสภาพคล่องในตลาดปรับดีขึ้น หลังปรับเกณฑ์กองทุน ThaiESG (TESG ) คาดเงินใหม่เข้าตลาดปีนี้ได้ราว 5 หมื่นล้านบาท แนวต้านดัชนี 1,320 – 1,330 จุด ส่วนแนวรับ 1,305 – 1,310 จุด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มที่อาจได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน TESG พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้แนะ SAV-NEO

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,305 – 1,310 จุด แนวต้าน 1,320 – 1,330 จุด ประเมินดัชนีมีโอกาส Sideway Up จากสภาพคล่องในตลาดปรับดีขึ้น หลังการปรับเกณฑ์กองทุน ThaiESG คาดจะมีเม็ดเงินใหม่เข้าตลาดปีนี้ได้ราว 5 หมื่นล้านบาท แนะนำทยอยซื้อกลุ่มที่อาจได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน TESG เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,CRC,BJC กลุ่มอาหาร CPF,GFPT,ICHI กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA +0.67%, S&P500 -0.31%, Nasdaq -1.09% ภาพรวมตลาด DJIA ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน, พลังงาน, สาธารณูปโภค ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตชิป -3% นำโดย Nvidia -6.68% ถูกแรงขายทำกำไรหลัง Market Cap. แซง Microsoft ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นซื้อขายสลับกลุ่มออกจากกลุ่ม Growth เข้าพักเงินในกลุ่ม Value Stock เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตาม US GDP Q1/67 ครั้งที่ 3 คาด +1.5% & ครั้งที่ 2 +1.3% QoQ และวันศุกร์ US Core PCE พ.ค. คาด 2.6% & เม.ย. 2.8% YoY เพื่อประเมินโอกาส

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ NEO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 63.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มรายได้ระดับกลาง-บนซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ดี และจากสภาพอากาศในฤดูร้อนย่างสู่ฤดูฝน ผู้บริโภคมีความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลสุขภาพ โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีต่อเนื่องจาก 1Q67 ที่ระดับ 46% จากการออกสินค้ากลุ่ม Premium / Premium Mass ที่มีมาร์จิ้นสูง และรักษาสัดส่วนของสินค้ากลุ่ม Personal Care และ Baby & Kids ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่ม Household และวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 67 ในระดับ Double Digit จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 50-100 SKU

ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 1.05 พันล้านบาท +27%YoY และ 1.13 พันล้านบาท +8%YoY

หุ้น SAV (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q67 อยู่ที่ 94 ลบ., +40.68%QoQ, +207.30%YoY ปัจจัยบวกหลัก คือ จำนวนเที่ยวบินรวมที่ยังมี Gap การฟื้นตัวPost Covid-19 ออกมาที่ +9%YoY +3%QoQ จากแรงหนุนของเที่ยวบินนานาชาติที่ +26%YoY +6%QoQ

ด้านการดำเนินงาน 2Q67 นี้ เบื้องต้นคาดว่าจะยังเป็นบวกฟื้นตัวต่อได้ YoY และมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจาก AirAsia Cambodia ที่เริ่ม operate ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และ ช่วงเดือนมิ.ย.นี้ Angkor AIR เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่าง นิวเดลี และ พนมเปญ ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาด กำไรสุทธิ SAV ในปี67 ที่ 507 ลบ.(+31%YoY)