โดย..ณัฏฐะ มหัทธนา, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย
สามวิตกจะคลี่คลาย
- 1. เพดานหนี้ (debt ceiling) การต่อสู้แย่งชิงงบประมาณระหว่าง 2 ขั้วการเมืองอาจสร้างความปั่นป่วนอย่างหนักแก่ตลาดการเงินโลกหาก “เล่นแรง” ลากเวลากันจนเงินหมดคลังทำให้รัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ “ชั่วคราว” แต่ใครก็รู้ว่าเรื่องดราม่า (อันน่าเอือมระอา) ดังกล่าวจะต้องยุติลงในที่สุด
- วิกฤตธนาคารภูมิภาค (regional banks) ข้อมูลล่าสุดชี้บรรดาแบงก์พาณิชย์สหรัฐยังขอรับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านสภาพคล่องจากเฟด เงินฝากยังไหลออกจากบัญชีธนาคารไปแสวงหายีลด์ที่สูงขึ้นในกองทุนตลาดเงิน (money market funds) แต่อัตราการไหลดูไม่รุนแรง แถมมีข่าวดี Western Alliance รายงานปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นกว่า $2 พันล้านนับตั้งแต่ต้นไตรมาสถึง 12 พ.ค. ปัจจัยสำคัญที่ช่วยดูดเงินกลับเข้าธนาคารนั้นตรงไปตรงมามากๆคือการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากดอกเบี้ยสูง > 5% …แบงก์อื่นๆก็ทำตามได้… ขณะประธานเฟดรับรู้ “ภาวะตึงเครียด” ในระบบธนาคาร มองความเสี่ยงปัจจุบันค่อนข้าง “สมดุล” จึงน่าจะคงดอกเบี้ย (pause) เพื่อเฝ้าสังเกตสถานการณ์สักระยะ เราเชื่อว่าต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจะกดดันความสามารถสร้างผลกำไร (profitability) ของแบงก์ภูมิภาคเหล่านี้ แต่ “วิกฤต” ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
- เศรษฐกิจจีนชะลอ ข้อมูลเดือน เม.ย. “น่าผิดหวัง” (หลังจากไตรมาสแรกแข็งแกร่งมาก) นักลงทุนในตลาดจำนวนไม่น้อยใจร้อนด่วนตัดสินว่า “แย่แล้ว” ทั้งๆที่ “การชะลอตัวชั่วคราว” (soft patch) เป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นได้บนเส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจรอบใหญ่ๆซึ่งมักไม่ราบเรียบเป็นเส้นตรง รัฐบาลจีนย้ำเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตขณะ PBOC พยายามดูแลสภาพคล่องให้เพียงพอพร้อมออกมาปรามพฤติกรรมเก็งกำไรค่าเงินหยวนเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาด เราเชื่อว่าในไม่ช้านักลงทุนจะตระหนักถึงเหตุผลตามข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น และยืนยันด้วยหลักฐานจากข้อมูลที่ดีขึ้นในระยะถัดไป
สามสิ่งควรโดนขาย
- เงินดอลลาร์สหรัฐ เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย (ผ่อนคลายลง) แต่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางหลักๆอย่าง ECB และ BOE จะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป (ยังคงเข้มงวด) BOJ ยึดนโยบาย yield curve control แต่เงินเฟ้อญี่ปุ่นสูงสุดกว่า 4 ทศวรรษน่าจะบีบให้เลิกผ่อนคลายในที่สุด (รอเวลาเข้มงวด) ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยกด USD ให้มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ประกอบกับ “สามวิตกคลี่คลาย” ยิ่งลดความต้องการถือเงินดอลลาร์
- 2. พันธบัตรสหรัฐ เริ่มโดนเทในสัปดาห์ล่าสุด ยีลด์ปรับตัวขึ้นด้วยเหตุผลแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุดังนี้ 2Y พุ่งเพราะตลาดคล้อยตามความเห็นของเฟดมากยิ่งขึ้นว่าจะไม่ลดดอกเบี้ยง่ายๆ 10Y, 20Y, 30Y ทะยานขึ้นบ่งชี้ความเสี่ยงถดถอย (recession risk) มีน้อยลง บั่นทอนความต้องการถือพันธบัตรอายุยาว และถ้าหาก 3 ปัจจัยพลิกอารมณ์ตลาดกลับเป็น risk on ตามที่เราคาดไว้ก็น่าจะกระตุ้นให้กระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดบอนด์ หลังบรรดาผู้จัดการกองทุนจัดพอร์ตโดยให้น้ำหนัก “ตราสารหนี้” สูงสุดใน 14 ปี ตามผลสำรวจ Global Fund Manager Survey ฉบับเดือน พ.ค. ของ Bank of America
- หุ้นเทคยักษ์สหรัฐ ความหวั่นวิตกหลากหลายปัจจัยบีบให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้น big tech เพียงไม่กี่ตัวพร้อมๆกันเพราะเชื่อมั่นว่า “ปลอดภัย” จนระดับราคา “สินทรัพย์สิ้นคิด” (คล้ายนึกเมนูอื่นไม่ออกก็สั่งข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว) เหล่านี้พุ่งทะยานเกินพื้นฐานสวนสารพัดเหตุผลซึ่งบ่งชี้ว่าค่า P/E ควรต่ำกว่านี้ อาทิ เศรษฐกิจสหรัฐชะลอกดดันแนวโน้มผลประกอบการ และ ดอกเบี้ยสูงยาวนาน (higher for longer) ดังนั้น พอความเสี่ยงลดลงก็คงกระตุ้นให้เกิด rotation นักลงทุนผันเงินออกจาก US big techs ไปแสวงหาโอกาสในตลาดอื่นๆซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตดีกว่า ณ ระดับราคาที่ถูกกว่าด้วย
สามสิ่งควรถูกซื้อ
- เงินหยวนจีน อ่อนค่าทะลุระดับจิตวิทยา 7 หยวนต่อดอลลาร์บนความกังวลเศรษฐกิจจีนอ่อนแรง อย่างไรก็ตาม เงินหยวนเริ่มรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้างช่วงท้ายสัปดาห์หลัง PBOC ออกมาปรามนักเก็งกำไร รัฐบาลจีนย้ำกระตุ้นการเติบโตนำโดย มาตรการอุดหนุน NEV (New Energy Vehicles) เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ สนับสนุนการบริโภค น่าจะดึงดูด fund flows กลับเข้าจีนเพื่อหาผลตอบแทนในภาวะ risk on
- หุ้นจีน สารพัดเหตุผลข้างต้นเริ่มเกิดผล นักลงทุนสถาบันระดับบิ๊กเริ่มขยับ! Vincent Mortier ผู้ดำรงตำแหน่ง CIO (chief investment officer) ของ Amundi บริษัทจัดการลงทุนใหญ่สุดของยุโรปซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านยูโร ให้สัมภาษณ์เผยแพร่บนเว็บไซต์ Financial Times 19 พ.ค. ชี้ชัดว่าบริษัทของเขากำลังเคลื่อนย้ายเงินจากตะวันตกไปยังตะวันออก โดยลดสัดส่วน “สหรัฐ” ซึ่งราคาสะท้อนความหวังแง่บวกมากไป แล้วเพิ่มสัดส่วน “จีน” เพราะตลาดกลัวเกินเหตุสร้างโอกาสลงทุนดีๆที่คุ้มค่า
- สินค้าโภคภัณฑ์ (และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น) มีโอกาสกลับสู่ขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหากสิ่งที่เราคาดหวังเป็นจริง: เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ยแต่ก็ไม่ลดง่ายๆ (higher for longer) อัตราแลกเปลี่ยนปรับทิศ ดอลลาร์อ่อนค่า – หยวนแข็งค่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ถดถอยในปีนี้ (เช่นเดียวกับยุโรป) เศรษฐกิจจีนชะลอแค่ soft patch แล้วฟื้นตัวต่อไป
*** อัพเดตความเห็นล่าสุดของเราได้ทุกเช้าที่รายการ Fund Today by KTAM ***
ไอเดียกองทุนรวมมีให้ทุกวัน ผู้สนใจเชิญรับชม Fund Today by KTAM ทุกเช้าวันทำการเริ่มเวลา 8:45 น. สามารถพิมพ์คำถามทางไลฟ์ Facebook: KTAM Smart Trade, Youtube: KTAM TV ONLINE หรือรับฟังและร่วมพูดคุยใน Clubhouse: KTAM Smart Trade สดพร้อมกันสามช่องทาง นอกจากนี้ดูคลิปย้อนหลังได้ทั้ง Youtube และ Facebook
#คุยทุกวันฟันทุกเช้า #ฟันทูเดย์845
คำเตือน: ความเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน คู่มือการลงทุน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน