NRF-YGG ร่วงฟลอร์ สังเวย !! หุ้นค้ำมาร์จิ้นถูกบังคับขาย

HoonSmart.com >> จับตาหุ้นขนาดกลาง-เล็ก สังเวยการถูกบังคับขาย หลัง Z.com เรียกมาร์จิ้นคืน ล่าสุด NRF และ YGG ร่วงติดฟลอร์ต่อเนื่องวันที่สอง ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยหุ้น NEX-NRF ร่วงแรง เหตุผู้ถือหุ้นถูก Force sell หลังนำหุ้นเป็นหลักประกันกับโบรกเกอร์ จำนวนสูงเมื่อเทียบกับทุนชำระแล้ว อยู่ที่ 20% และ 38% ตามลำดับ ส่วนปริมาณ “ชอร์ตเซล” ไม่มาก ด้าน”คณิสสร์”-“อินทิรา” เคยถือหุ้นใหญ่อันดับสองและสาม รวม 20.33% ตอนนี้เหลือแค่ 0.85%

 

ราคาหุ้น NRF (เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์) ทรุดหนักต่อเนื่อง จากการถูกบังคับขายออกมาตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ฟลอร์แรกปิด 3 บาท ลดลง 0.30 บาท และเช้าวันที่ 19 มิ.ย.ปริมาณหุ้นที่สั่งขายยังไม่หมด ส่งผลเปิดตลาดหุ้นฟลอร์สนิท ที่ 2.10 บาท และปิดที่ 2.08 บาท ดิ่งลง 0.92 บาท หรือ 30.67% จำนวนหุ้นซื้อขาย 26.26 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 54.74 ล้านบาท

ขณะที่หุ้น อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) มีแรงขายออกมาจำนวนมากตั้งแต่เปิดตลาดเช้านี้ ราคาฟลอร์ จนปิดตลาดที่ 4.08 บาท ทรุดลง 1.77 บาท หรือ-30.26% ปริมาณหุ้นซื้อขาย 21.80 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 100.21 ล้านบาท

แหล่งข่าวนักลงทุน กล่าวว่า หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ปรับตัวลงอย่างหนัก  เกิดจากการบังคับขายหุ้นออกมา หลังราคาหุ้นถึงระดับที่ลูกค้าต้องนำเงินมาวาง หรือกรณีไม่สามารถนำเงินมาวางเพิ่มได้ จึงถูกโบรกเกอร์บังคับขายทันที

กรณีของหุ้น NRF และ YGG อยู่ ผู้ถือหุ้นใหญ่นำไปวางค้ำประกันการขอวงเงินกับ Z.com เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงหนัก  ผลกระทบจากภาวะตลาดรวม อีกทั้ง Z.com ได้เรียกมาร์จิ้นคืนทั้งหมดแล้ว และไม่มีการปล่อยมาร์จิ้นอีก จึงได้ทยอยขายหุ้นออกมา และคาดว่ามีอีกหลายโบรกเกอร์ที่ทยอยเรียกมาร์จิ้นคืน ลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดและราคาหุ้นที่ปรับตัวลง

” ผลกระทบจากภาวะตลาด และหุ้นที่ถูกนำไปค้ำประกันมาร์จิ้น กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก คาดมีหุ้นขนาดกลางและเล็กอีกหลายตัว ที่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงถูกบังคับขาย จะทยอยออกมาเรื่อยๆ  เริ่มตั้งแต่ NEX ที่ผู้บริหารถูกบังขายออกมาก่อนหน้านี้ จากหุ้น 20% ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 1% มาถึง NRF และ YGG  ซึ่งจะมีตามออกมาอีกหลายบริษัท สังเวยภาวะตลาดซบเซา”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ไม่เฉพาะหุ้นที่ถูกบังคับขาย ยังมีหุ้นกู้ ฯ ที่ไม่สามารถชำระคืนได้ กำลังจะถูก Default รวมทั้งหุ้นกู้ SABUY อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงเช่นกัน

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.2567 จนถึงปัจจุบัน มีหุ้นบางตัวที่ราคาปรับลดลงอย่างมากผิดปกติ โดยราคาปรับลดลง Floor ต่อเนื่อง และบางวันไม่เหลือปริมาณ Bid ให้สามารถส่งคำสั่งขายได้ (Floor หมด Bid) เช่น NEX , NRF โดยบริษัทจดทะเบียนได้ชี้แจงตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถามว่า ไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่ส่งผลต่อสภาพการซื้อขายที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับมีข่าวพาดพิงผ่านสื่อว่าราคาหลักทรัพย์ที่ปรับลงเกิดจากการ Short sell, Program trading นั้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอแจ้งข้อเท็จจริงดังนี้ พบว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นไปเป็นหลักประกันกับบริษัทหลักทรัพย์ในจำนวนสูงเมื่อเทียบกับทุนจดทะเบียนชำระแล้ว (paid up) ณ เม.ย. 67 NEX และ NRF อยู่ที่ประมาณ 20% และ 38% ตามลำดับ

จากภาวะโดยรวมของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ fundamental ของบริษัทจดทะเบียน เช่น ผลประกอบการที่ลดลง หรือ PE ติดลบ ส่งผลให้ราคาปรับลดลง จนแตะระดับต้องเรียกหลักประกัน Call และ Force sell หุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่นำมาวางเป็นหลักประกันในช่วงที่ราคาปรับลดลง พบข้อมูล Short sell และ Program trading ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับหลายหลักทรัพย์ในช่วงก่อนหน้า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอแจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุน และขอให้ศึกษาข้อมูลสรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น ได้จาก https://www.set.or.th/th/market/statistics/market-statistics/margin-accounts เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

ส่วนนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของ NEX รายงานว่า วันที่ 8 มี.ค.2567 ถือหุ้นจำนวน 294.55 ล้านหุ้นหรือ 14.57% ล่าสุดคงเหลือจำนวน 17,107,000 หุ้น 0.85% ณ วันที่ 7 มิ.ย.2567

นางสาวอินทิรา ช่วยสนิท  ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสามเคยถืออยู่จำนวน 116,399,500 หุ้นหรือ 5.76 % ปัจจุบันไม่ได้ถือหุ้นแล้ว

ราคาหุ้น NEX ดิ่งลงมาจากเฉียด 10  บาท ล่าสุด ปิดที่ 1.79 บาท ติดลบ 0.14 บาทหรือ-7.25% มูลค่าซื้อขาย 962 ล้านบาท ราคาฟื้นจากที่ดิ่งลงไปต่ำสุด 1.39 บาท วันที่ 19 มิ.ย.2567