SABUY ปักธงรายได้ปีนี้ 2 หมื่นลบ. เร่งปรับตัวเพิ่มกำไร ชนะทุกวิกฤต

HoonSmart.com>>”สบาย เทคโนโลยี (SABUY)”ผลงานเด่น กำไรโตแรง 55%เป็น 167 ล้านบาท กำไรปกติ 215 ล้านบาท รายได้โต 203% เป็น 2,533 ล้านบาท คาดไตรมาส 2 โตตัวเลขสองหลัก ตั้งเป้าโกยทั้งปี 20,000 ล้านบาท พุ่งขึ้น 400% ทุ่ม 5,000 ล้านบาท ลงทุนเพิ่ม 2-3 ดีล ชูกลยุทธ์  Power of Ecosystem ตอบโจทย์เสริมแกร่งฐานธุรกิจ รับมือความไม่แน่นอน สั่งปรับแผนเพิ่มรายได้ทุกยูนิต เพิ่มประสิทธิภาพใช้จ่าย กดต้นทุนลง 40-50%  ปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ขยายลูกค้าไปอาเซียน ส่ง 4 บริษัทเข้าตลาดหุ้น 

นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2566 เติบโตสูงตามเป้าหมาย คือ รายได้รวมอยู่ที่ 2,533.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,698.3 ล้านบาท หรือ 203.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเติบโตจากไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 42.1 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 167 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 55.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 59.7 ล้านบาท เท่ากับกำไรสุทธิปกติจำนวน 215.3 ล้านบาท

รายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ มาจากกลุ่มธุรกิจ Connext 58.2% กลุ่มธุรกิจ Enterprise 31.3% กลุ่ม Payment 6.4% กลุ่ม Financial Inclusion 3.6% และ กลุ่ม Innotainment 0.5% บริษัทฯ จะมีการปรับโครงสร้างการขายแบบ Comprehensive ให้สอดคล้องการแผนธุรกิจ 7 SMARTสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขยายตัวได้สูง พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค (Regional Player) ปัจจุบันมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีสินทรัพย์ 21,467 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 13,156 ล้านบาท มีอัตราส่วนสภาพคล่อง 1.14 เท่า และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.64 เท่า สามารถลงทุนขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับปี 2566 SABUY ตั้งเป้าการเติบโตที่ท้าทาย คือ รายได้รวม 20,000 ล้านบาท หรือเติบโต 400% จากรายได้รวม 5,325 ล้านบาท ในปี 2565 ขณะที่ยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และจะผลักดันให้ดียิ่งขึ้นตาม 3 แนวทางคือ 1.เพิ่มรายได้ในทุกผลิตภัณฑ์ ทุกช่องทางการขาย หาตลาดใหม่ ปรับโครงสร้างหน่วยงานขายแบบองค์รวมเน้นการขายแบบ Solution อิงกับแนวทาง 7 SMART

2. ปรับลดค่าใช้จ่ายทุกด้าน ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพ โดยจะรีบดำเนินการก่อนที่จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

3. ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจบริษัท ปรับให้กระชับและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจมีการขายบางส่วนของธุรกิจ (เช่น สบาย สปีด ) ให้กับพันธมิตรเพื่อสร้างมูลค่าให้สูงขึ้น ตลอดจนการขายธุรกิจบางส่วนที่ไม่สามารถ Synergy กับ SABUY Ecosystem

ในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะลงทุนเพิ่มอีกจำนวน 2-3 ดีล โดยจะใช้เงินลงทุนราว 5,000 ล้านบาท ใช้แหล่งเงินทุนจะมาจากการขายสินทรัพย์บางส่วนของ บริษัท สบาย สปีด ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 82% และขายที่ดินของ บริษัท สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) (เดิมคือ บริษัทเธียรสุรัตน์ หรือ TSR) ซึ่งมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท และแหล่งเงินทุนอื่นๆ

นายชูเกียรติกล่าวว่า SABUY วางกลยุทธ์ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าออกสู่ภูมิภาคอาเซียน เพื่อพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค (Regional Player) ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านการพัฒนาบุคลากร การนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในระบบงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน การบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแลบริษัทที่ดี การตรวจสอบภายใน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญ ช่วยให้ SABUY สามารถเติบโต มั่นคง และยั่งยืน ต่อไปในอนาคต

นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) กล่าวว่า ไตรมาสแรกบริษัทมีกำไรหลักจำนวน 215 ล้านบาท น้อยกว่า 300 ล้านบาทเศษในช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะเจอเซอร์ไพรส์มาก เมื่อปลายเดือนก.พ.หรือต้นเดือนมี.ค. มีการหยุดนิ่งทางการเงิน

“เรายังมีกำไรจากการดำเนินงาน ขณะที่หลายบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายเรา ยังเหนื่อยอยู่  หากเราทำกำไรหลักได้ไตรมาสละ 50 ล้านบาท ก็เก่งแล้ว ตอนนี้ทำได้ 215 ล้านบาท โต 4-5 เท่า แต่เราไม่แฮปปี้นัก เจอภาระหนัก ต้องดูแล 3 เรื่อง คือเรื่อง 1.การผลักดันรายได้ทุกช่องทาง ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเรียกแต่ละหน่วยธุรกิจมาดูผลงาน เพื่อผลักดันให้ถึงเป้าหมาย 2. การใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ตัดหรือลดต้นทุน เพราะสบายฯมีหลายบริษัท อาจจะซ้ำซ้อนเรื่องค่าใช้จ่าย ควบคุมการใช้เงิน  พยายามลดให้ได้ 40-45% ก็จะเพิ่มรายได้จำนวน 100 ล้านบาทและ 3 ปรับโครงสร้างธุรกิจ เตรียมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทแอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) ผ่านการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)”

ส่วนเป้าหมายการสร้างรายได้ 2 หมื่นล้านบาทในปี 2566  จากในไตรมาสแรกทำได้ 5,300 ล้านบาท มั่นใจว่าจะทำได้ตามสัญญา คาดว่าผลงานครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ที่สามารถรวมงบการเงินของบริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) เข้ามาได้ทั้งหมด และทุกธุรกิจมีการเติบโต

สำหรับการลงทุนในหุ้นบริษัท SINGER ที่มีต้นทุนราคาเกือบ 20 บาทต่อหุ้น ในไตรมาสแรก รับรู้ผลขาดทุน 38 ล้านบาท แต่ยังไม่ปรับพอร์ตลงทุน ซื้อเพิ่มหรือลดการลงทุน ขอติดตามการแก้ปัญหาของ SINGER ก่อน ส่วน TKS ยังไม่ได้ซื้อหุ้น สำหรับ AS เป็นบริษัทร่วม

ด้านนายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ SABUY กล่าวว่า SABUY มีบริษัทประมาณ 60 บริษัท รวมลูกค้าของพาร์ทเนอร์ด้วยมีหลัก 100 คน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะบริษัทที่ลงทุนเท่านั้น มีแพลตฟอร์ม มีการสร้าง Ecosystem ดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมและคู่ค้าด้วย ธุรกิจไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้มาก ต้องเพิ่มประสิทธิ ทีมขายที่สามารถขายของได้ทุกอย่าง ทำให้ทุกครั้งที่มีวิกฤต สามารถปรับตัวได้ และมองการเติบโตออกไปยังต่างประเทศ เพื่อให้การเติบโต 100%

ในปี 2566 จะไม่เข้าไปลงทุนถี่เหมือนปีก่อน แต่ลงทุนขนาดใหญ่มากขึ้น และแต่งตั้งที่ปรึกษาในการจัดโครงสร้างองค์กร ปัจจุบันมี 4 บริษัทมีความชัดเจนที่พร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  ส่วน SABUY SPEED อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง แม้ธุรกิจจะเติบโต แต่มีต้นทุนสูง ดังนั้นปีที่เหมาะสมในการเข้าตลาดต้องรอ 2-3 ปี  ระหว่างทางหาพันธมิตรเเข้ามาร่วมลงทุน

สำหรับการเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน บริษัทยังไม่ได้เข้าไปซื้อ ในช่วงที่ประกาศงบ  เพราะไม่เป็นธรรมกับผู้ถือหุ้น ต้องรอเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน บริษัทเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน เพราะตัดสินใจว่าไม่มีการออกหุ้นใหม่ ขณะเดียวกัน D/E ต่ำ จึงมีการซื้อหุ้นคืน เพื่อลดทุน ขอโครงการภายในระยะเวลาสั้น ถึงวันที่  14 ก.ค.ไม่แน่ใจว่าจะซื้อหุ้นคืนได้ทั้งหมดหรือไม่