บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯเผย 2 เครื่องยนต์หมดแรง ส่งออก-ท่องเที่ยว กดดันหุ้น รอปัจจัยใหม่ แนะถือเงินสด 40 % ทยอยสะสมหุ้นค้าปลีก คาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะนักลงทุนให้เพิ่มความระมัดระวัง ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และจากปัจจัยลบ ภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกชะลอตัว เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการลงทุนในระยะสั้น ประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับฐานในกรอบ 1,620-1,670 จุด จนกว่าจะเห็นปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)
“ทยอยสะสม BJC คาดผลประกอบการไตมาสที่ 3 เติบโต 23% และเพิ่มขึ้น 17%จากระยะเดียวกันปีก่อนที่ 1,615 ล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น และ สะสม CPALL บริเวณ 65.0 บาท เก็งกำไร STEC คาดกำไรไตรมาสที่ 3 เติบโตเด่น พร้อมให้เป็น stock pick กลุ่มก่อสร้าง ราคาเป้าหมาย 29 บาท ทยอยสะสม BEM คาดผลประกอบการไตรมาส 3ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งระบุ
ทางด้านตลาดหุ้นวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาก่อนจะหยุดทำการวันที่ 23 ต.ค. ดัชนีหุ้น ปิดที่ 1,658.5 จุด ติดลบ 9.3 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 62,000 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 14 ติดต่อกันที่ 61 ล้านบาท (และขายรวมกัน 13 วันทำการมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 2,880 สัญญา