บล.กสิกรฯ ลุ้นหุ้นใกล้ 1600 สัปดาห์หน้า จับตาผลเลือกตั้ง-GDP

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยคาดหุ้นแก่วงในกรอบ ให้แนวรับต่ำสุดที่ 1,530 ส่วนแนวต้านสูงสุด 1,585 จุด ธนาคารกสิกรไทยมองเงินบาทระดับ 33.80-34.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแข็งค่าในรอบ 3 เดือนแตะ 33.50 บาท ปิดที่ 34.00 บาท 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (15-19 พ.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,545 และ 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/66 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ของยูโรโซน จีดีพีไตรมาส 1/66 ของญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน เช่น ยอดค้าปลีกและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

แม้หุ้นขยับขึ้นจากสัปดาห์ก่อน แต่ลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังตลาดกลับมาเปิดทำการหลังช่วงวันหยุด โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อของต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะชะลอตัวลง ซึ่งทำให้เฟดมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับขึ้นมากสุด เนื่องจากมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากประเด็นการซื้อหุ้นคืนของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง อย่างไรก็ดี หุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ ก่อนจะเผชิญแรงเทขายช่วงปลายสัปดาห์ระหว่างรอติดตามการเลือกตั้งของไทย ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. นี้ รวมถึงประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีข้อสรุป

ในวันศุกร์ (12 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,561.35 จุด เพิ่มขึ้น 1.83% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 53,460.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.44% มาปิดที่ระดับ 501.57 จุด

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (15-19 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหว ที่ระดับ 33.80-34.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทอ่อนค่ากลับมาทดสอบแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ช่วงปลายสัปดาห์ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงแรก โดยเงินบาทขยับแข็งค่าตามจังหวะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุน หลังจากการเจรจาเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน และผู้นำของสภาคองเกรสยังคงไม่ได้ข้อสรุปร่วมกัน

นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ซึ่งชะลอลงมาที่ 4.9% YoY ในเดือนเม.ย. (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 5.0%) และหนุนการคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 5.00-5.25%ในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้

อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาทดสอบแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ตามการปรับตัวลงของทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับน่าจะมีการปรับโพสิชั่นก่อนการเลือกตั้งของไทยในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. นี้

ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.97 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 33.73 บาทในวันพุธก่อนหน้า (3 พ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 8-12 พ.ค.2566 นั้น แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยประมาณ 4,673 ล้านบาท แต่ก็มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 36,854 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 42,908 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 6,054 ล้านบาท)