บลจ.ไทยพาณิชย์ออกกองทุน SCBCLIMATE ลงทุนหุ้นทั่วโลกร่วมลดภาวะโลกร้อน

HoonSmart.com> บลจ.ไทยพาณิชย์ ร่วมลดภาวะโลกร้อย เปิดตัวกองทุนใหม่ SCBCLIMATE โอกาสสร้างพอร์ตเติบโตอย่างมีเสถียรภาพกับ “ธุรกิจที่มุ่งบรรเทาผลกระทบสภาพภูมิอากาศ” ผ่านกองทุนหลัก Templeton Global Climate Change Fund นโยบายการลงทุนแบบเชิงรุกในหุ้น Core-Value ทั่วโลกครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เปิดขาย IPO ตั้งแต่ 11 – 17 มิ.ย.67

ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน Climate Change หรือ ภาวะโลกร้อน เป็นภัยคุกคามที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยปี 2566 โลกมีอุณหภูมิร้อนขึ้น 1.3°C ซึ่งเป็นสถิติใหม่เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม และยังทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่มาอย่างต่อเนื่องในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (มิ.ย. 2566 – พ.ค.2567) โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดที่ 1.63°C ซึ่งคาดการณ์ว่าโลกอาจจะร้อนขึ้นถึงช่วง 2.2-3.4°C ในปี 2643

การหาแนวทางแก้ไขจึงเป็นโจทย์สำคัญระดับโลกที่ผู้นำในหลายประเทศให้ความสำคัญ โดย 195 ประเทศทั่วโลกได้รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อร่วมกันควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ทำให้เป็นกติกาใหม่ที่ส่งผลต่อนโยบายการพัฒนาประเทศ นำโดยผู้นำระดับโลกอย่างสหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรป ออกนโยบายภาครัฐและทิศทางเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทำให้ภาคธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่มีโซลูชันต่อการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ และเป็นหัวใจสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน

SCBAM เปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Climate Change (ชนิดสะสมมูลค่า) หรือ SCBCLIMATE(A) เพื่อโอกาสการลงทุนในหุ้นของกลุ่มธุรกิจที่มุ่งบรรเทาผลกระทบสภาพภูมิอากาศ เพื่อโอกาสสร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโตในระยะยาวไปกับเมกะเทรนด์โลก เสนอขายครั้งแรกวันที่ 11-17 มิ.ย.2567 นี้

กองทุน SCBCLIMATE(A) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก Templeton Global Climate Change Fund ที่บริหารโดย Franklin Templeton หนึ่งในผู้จัดการการลงทุนระดับโลก โดยกองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุกในหุ้น Core-Value ของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอน มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายการลงทุนในหุ้นทุกขนาด หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ด้วยข้อมูล Global Research จากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG ผสานการวิเคราะห์หุ้นรายตัวเชิงลึก เพื่อคัดสรรหุ้นที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในราคาที่เหมาะสม สร้างพอร์ตการลงทุนแบบ High Conviction ในหุ้นประมาณ 40-60 ตัว

กองทุนหลักจะเฟ้นหาโอกาสเพิ่มมูลค่าพอร์ตการลงทุนผ่านธีมการลงทุนใน 2 กลุ่ม คือ (1) หุ้นกลุ่ม Solution บริษัทที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากสินค้าและบริการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีการพัฒนาการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ และ (2) หุ้นกลุ่ม Transitioning บริษัทที่มีการนำเสนอโซลูชันที่กำลังเติบโตกลายเป็นผู้ให้บริการโซลูชันเต็มตัว หรือบริษัทที่สามารถพัฒนาเป็นผู้ให้บริการโซลูชันผ่านสินค้าใกล้เคียง ผ่านการเฟ้นหาโอกาสการลงทุนทั่วโลก จึงทำให้พอร์ตลงทุนมีความยืดหยุ่นสูง มีเสถียรภาพ และสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีทั้งในจังหวะขาขึ้นและขาลง ทั้งนี้ กองทุนหลักได้รับการจัดประเภทเป็น Article 9 ตามเกณฑ์ SFDR สะท้อนถึงกลยุทธ์การลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อการลงทุนอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง

Craig Cameron ผู้จัดการกองทุนของกองทุนหลัก ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า “3 ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ประการแรก การปรับตัวของธุรกิจหลายภาคส่วนที่หันมาใช้พลังงานทดแทน เช่น ระบบพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (Solar Inverters) หรือการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้วัตถุดิบการผลิตจากแร่ลิเธียม เป็นต้น จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้ ประการที่สอง อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่มีแนวโน้มจะปรับลดลงในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มการเข้าถึงด้านเงินทุนระยะยาวสำหรับการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศมากขึ้น และสุดท้าย การกระจายตัวของการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้เห็นโอกาสการลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าพื้นฐานต่ำ ที่กำลังเติบโตเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”

ด้วยพอร์ตการลงทุนที่เน้นหุ้นลักษณะ Core – Value ทั่วโลก ครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม กองทุน SCBCLIMATE(A) จึงเหมาะเป็นทางเลือกการลงทุนเพื่อเสริมเสถียรภาพให้กับพอร์ตการลงทุนในส่วนของ Global Equity พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ทั้งยังมีส่วนร่วมสร้างอนาคตให้สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโลกสามารถเดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน