ITC-BTG ดิ่ง 40% จาก IPO กด P/E ต่ำ ผู้บริหารดอดเก็บหุ้น

HoonSmart.com>>”ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC)” ควง”เบทาโกร (BTG) แข่งกันทำนิวโลว์ ปีนี้ราคาร่วงลงแรงถึง 40% จากราคา IPO ที่ขายปลายปี 65 กดดันP/Eลงเหลือ 14.5 เท่าและ 5.46 เท่า หลังตลาดผิดหวังกำไรไตรมาสแรกของไอเทลฯ ส่วน เบทาโกร บล.หยวนต้าคาดกำไรหดตัวลงแรง ปรับลดมูลค่าลงเหลือ 23 บาท หลังคาดกำไรไตรมาส 2 ฟื้นตัว ด้านผู้บริหารของทั้งสองบริษัททยอยเข้าซื้อหุ้น 

บริษัทไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) และ บริษัท เบทาโกร (BTG) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) เมื่อปลายปี 2565 ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2566 ทรุดลงแรงถึง -44% และ -40% ตามลำดับ เทียบกับราคา IPO ที่หุ้นละ 32 บาท และ 40 บาท ปัจจุบันเทรดที่ระดับ P/E 14.50 เท่าและ เพียง 5.46 เท่า ตามลำดับ หลังผิดหวังกำไรไตรมาสแรกปี2566 คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2 ก็ตาม ล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานักวิเคราะห์มีการปรับลดประมาณการกำไรปี2566-2567 และราคาเป้าหมายในปีนี้ลง รวมถึงภาวะตลาดหุ้นโดยรวมร่วงลงแรงด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2566 นาย ทวี ตั้งจันสิริ กรรมการบริษัท ITC ได้ซื้อหุ้นจำนวน 10,000 หุ้นที่ราคาหุ้นละ 19.50 บาท เป็นเงิน 195,000 บาท ทำให้มีหุ้นทั้งสิ้น 340,000 หุ้น และนาย ไชยวัฒน์ เจริญรุจิตานนท์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ได้ซื้อจำนวน 16,600 หุ้นราคาเฉลี่ย 18.69 บาท เป็นเงิน 310,254 บาท โดยมีหุ้นทั้งหมด 100,000 หุ้น ทั้งนี้ราคาหุ้น ITC นิวโลว์ ลงไปต่ำสุด 18.30 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ก่อนดีดตัวกลับแรงปิดที่ 19.20 บาท บวก 0.30 บาทหรือ1.59%

ขณะที่นักวิเคราะห์ 4 ราย ได้แก่ บล.กสิกรไทย บล.ทรีนีตี้ บล.บียอนด์ และบล.ดาโอ ปรับลดราคาเป้าหมายของ ITC เหลือ 25.10 บาท 27 บาท 22.40 บาทและ 24 บาทตามลำดับ หลังปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 บริษัทประกาศไตรมาสแรก 2566 มีกำไรสุทธิเพียง 425 ล้านบาท หรือ 0.14 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 924 ล้านบาทหรือ 2.57 บาท เนื่องจากลูกค้ามีสินค้าคงคลังจำนวนมากจึงลดการสั่งซื้อสินค้า โดยผู้บริหารพบนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรไตรมาสที่ 2 จะดีขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลับมาสั่งซื้อสินค้าตามปกติ

ด้านหุ้น ITC ณวันที่  1 มี.ค. 2566  มีบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU)ถือหุ้นใหญ่ที่สุด  2,335 ล้านหุ้น สัดส่วน 77.82% และมีนาย สารัชถ์ รัตนาวะดี ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 4 จำนวน 20 ล้านหุ้นสัดส่วน 0.67%

ส่วนบริษัท BTG นายปกรณ์ พงศ์พูลสุข สามีของนางสาว ปิยาภรณ์ แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซื้อจำนวน 5,000 หุ้น ราคา 23.80 บาท เป็นเงิน 119,000 หุ้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ราคานิวโลว์ ลงไปต่ำสุด 22 บาท ก่อนฟื้นมาปิดที่ 22.40 บาท ลดลง 0.60 บาทหรือ -2.61% แม้ว่ายังไม่ได้ประกาศกำไรไตรมาสแรกปีนี้

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)มองว่าหุ้น BTG ยังไม่น่าสนใจในระยะสั้น เนื่องจากปริมาณหมูเถื่อนที่มากขึ้นกดดันกำไรไตรมาสแรกชะลอตัวลงแรงทั้ง QoQ -82.5% และ-75.6% YoYเหลือเพียง 317 ล้านบาท กดดันราคาขายเฉลี่ย ลดลงเหลือเพียง 82 บาท/กิโลกรัม และอัตรากำไรขั้นต้นชะลอลงอยู่ที่เพียง 12.3% จาก 18.2%ในไตรมาส4/2565 และจาก 17.8%ในไตรมาสแรกปี 2565 จึงปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ลง 30.3% และ 21.5%เป็น 3,400 ล้านบาท (-54.7% YoY) และ 4,100 ล้านบาท (+21.4% YoY) ตามลำดับ

“การปรับลดประมาณการกำไรลงอิงกำไรต่อหุ้นปีนี้ที่ 1.74 บาท และ P/E ที่ 13.3 เท่า ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปีนี้ถูกปรับลดลงเป็น 23 บาท แม้แนวโน้มปกติในไตรมาสที่ 2 มีโอกาสฟื้นตัวจากไตรมาสแรก จากราคาหมู แต่ยังชะลอตัวจาก YoY ปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็น TRADING เชิงกลยุทธ์ในระยะสั้นยังขาดประเด็นบวกหนุน  แนะนำชะลอการลงทุนหากมีสถานะอาจพิจารณาหาจังหวะ Cut Loss เมื่อราคาหุ้น Rebound”บล.หยวนต้าระบุ