วินด์ฯชนะคดีอดีตกก.-ผู้บริหารร่วมทุจริต ศาลสั่งชดใช้เงินกว่า 300 ลบ.ใน 15 วัน

HoonSmart.com>>ศาลแรงงานกลางตัดสินให้ “วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ” ชนะเพิ่มอีก 1 คดี กรณีอดีตกรรมการและผู้บริหาร 4 รายร่วมกันทุจริต “ณัฐวุฒิ เภาโบรมย์-ธันว์ เหรียญสุวรรณา-เอ็มม่า คอลลินส์-อมาน ลาคานี” สั่งให้ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 308 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 5% ต่อปี ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ 1 พ.ค.66 มิฉะนั้นจะถูกยึดทรัพย์ จับกุม จำขัง หรือบังคับคดีตามกฎหมาย ส่วน”ณพ ณรงค์เดช” อดีตกรรมการ ให้การว่าไม่ใช่ลูกจ้าง วินด์ฯไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลแรงงานกลาง จึงถูกโอนย้ายไปศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาตัดสินคดีหมายเลขดำที่ ร.2065/2564 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ร.2267/2566 ให้บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง เป็นผู้ชนะในคดีฟ้องร้องอดีตกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจำนวน 4 รายได้แก่ นายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ จำเลยที่ 2 นายธันว์ เหรียญสุวรรณ จำเลยที่ 3 นางเอ็มม่า คอลลินส์ จำเลยที่ 4 และนายอมาน ลาคานี จำเลยที่ 5 กรณีจำเลยได้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงานและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ส่วนนายณพ ณรงค์เดช จำเลยที่ 1 อดีตกรรมการบริษัทวินด์ ฯ ในการพิจารณาคดี ได้ให้การว่าตนไม่ใช่ลูกจ้างโจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ต่อศาลแรงงานกลาง คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงถูกโอนย้ายไปยังศาลแพ่งที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้

ทั้งนี้ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ทำหนังสือให้บริษัท วินด์ฯ ตกลงชดใช้ค่าเสียหายในการต่อสู้คดีให้แก่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 กรณีที่จำเลยทั้ง 5 รายได้ถูกฟ้องต่อศาลสูงแห่งประเทศอังกฤษและเวลล์ ถือเป็นการกระทำโดยมิชอบ เข้าข่ายการใช้หน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ โดยการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างและกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ในขณะนั้น กับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นลูกจ้างจึงเป็นการผิดสัญญาจ้างแรงงานและเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ด้วยเหตุนี้ จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 308,049,961.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา  5% ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวนตามที่ได้มีการเบิกจ่ายหรือโอนเงินในแต่ละครั้ง และให้หักเงินที่จำเลยที่ 3 ได้ชดใช้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำนวน 1 ล้านบาท ออกจากยอดหนี้ที่ค้างชำระ โดยให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 มิฉะนั้นจะถูกยึดทรัพย์ จับกุม จำขัง หรือบังคับคดีตามกฎหมาย