ดาวโจนส์ปิดร่วง 270 จุด เฟดดับความหวังลดดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลบ 270 จุด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะที่การแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดยังไม่บ่งชี้การลดดอกเบี้ยในขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงต่อ 3.06 ดอลลาร์ หรือกว่า -4.27% หลุดต่ำกว่า 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก ก่อนรู้ผลเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 3พฤษภาคม 2566 ที่ 33,414.24 จุด ลดลง 270.29 จุด หรือ 0.80% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะที่การแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดยังไม่บ่งชี้การลดดอกเบี้ยในขณะนี้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,090.75 จุด ลดลง 28.83 จุด, -0.70%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,025.33 จุด ลดลง 55.18 จุด, -0.46%

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ตามคาด สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 และเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็นครั้งที่ 10

ในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังว่าเฟดชะลอการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว แต่ปรับลดลงหลังจากนายพาวเวลล์ปิดทางการลดดอกเบี้ย เพราะยังไม่คาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงเร็วมาก

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีลดลงมาที่ 3.8%

“ในการพิจารณาบริบทว่าอาจจะสมควรที่จะดำเนินนโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาที่ 2% คณะกรรมการจะคำนึงถึงผลสะสมของนโยบายการเงินที่เข้มงวด ผลที่ตามมาของนโยบายการเงินต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจและการเงิน” เฟดระบุในแถลงการณ์

แต่บรรดาเทรดเดอร์จับได้ถึงสิ่งที่เฟดไม่ได้ระบุในแถลงการณ์ โดยเฟดได้ใช้คำที่นุ่มขึ้นต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป ด้วยการตัดคำที่ใช้ในแถลงการณ์การประชุมเดือนมีนาคมว่า “คณะกรรมการคาดว่าเป็นการสมควรที่จะดำเนินนโยบายเพิ่มเติมบ้าง” ออกไป

เจสัน ไพร์ด จาก Glenmede กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ยังไม่ปักธงลดดอกเบี้ย เฟดกำลังบอกว่า การดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดเพิ่มเติมอาจจะหรืออาจจะไม่เกิดขึ้น แต่การลดดอกเบี้ยยังไม่นำมาพิจารณา

นายพาวเวลล์ให้ความเห็นของในการแถลงข่าวหลังการเผยแพร่แถลงการณ์ที่ตัดคำดังกล่าวออกไปว่า เป็นการปรับคำที่มีความหมายและการตัดสินใจของเฟดในการประชุมเดือมิถุนายนจะขึ้นอยู่กับข้อมูล

เอ็ด โมยาจาก Oanda กล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 10 ต่อเนื่องกันนั้น อาจจะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายในวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ โดยชี้ว่า เฟดห่วงว่านโยบายการเงินที่ตึงตัวจะทำให้การปล่อยสินเชื่อเข้มงวดขึ้นและจะมีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจกับการจ้างงาน ที่ช่วยชะลอเงินเฟ้อ

“การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นจะมีผลต่อเศรษฐกิจและดูเหมือนตราบใดที่เรายังไม่มีสถานการณ์รุนแรงของตลาดแรงงานกับเงินเฟ้อที่ตึงตัวเกินคาด เฟดก็จะคงดอกเบี้ยไว้ถึงปลายปีนี้”

แม้นายพาวเวลล์คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจแทนที่จะถดถอย ก็ไม่ได้ช่วยให้ตลาดดีขึ้นเพราะนักลงทุนยังมองว่า แม้เฟดจะส่งสัญญานชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนแต่ต้นทุนการกู้ยืมยังคงอยู่ในระดับสูง อาจจะให้มีผลให้สินเชื่อซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจลดลง อีกทั้งเงินเฟ้อยังสูง

ธนาคารภูมิภาคปรับตัวลงหลังการแถลงของนายพาวเวลล์ โดยหุ้น PacWest ลดลงกว่า 7%หุ้น Zions Bancorp ลดลง 4.6% หุ้น Western Alliance ลดลง 3.1%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเมษายนปรับตัวขึ้นมาที่ 53.6 จาก 52.6 ในเดือนมีนาคม แต่ต่ำกว่า 53.7ตัวเลขเบื้องต้น

สถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM) รายงาน ดัชนีภาคบริการเดือนเมษายนปรับตัวขึ้นมาที่ 51.9 จาก 51.2 ในเดือนมีนาคม และสูงกว่า 51.8 ที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนยังจับตาการรายงานการจ้างงานนอกภาค