ดาวโจนส์ปิดลบ 46 จุด เจพีมอร์แกนซื้อ FRB จับตาเฟดประชุม

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 46 จุด หลังรัฐบาลเข้าควบคุม First Republic Bank (FRB) ขายให้ “เจพีมอร์แกน เชส” ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ราคาน้ำมันดิบร่วง 1.12 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดทำการวันแรงงาน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่ 34,051.70 จุด ลดลง 46.46 จุด หรือ 0.14% หลังจากรัฐบาลเข้าควบคุม First Republic Bank (FRB) ในสุดสัปดาห์และขายให้กับ เจพีมอร์แกน เชส ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,167.87 จุด ลดลง 1.61 จุด, -0.04%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,212.60 จุด ลดลง 13.99 จุด, -0.11%

สำนักงานคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (California Department of Financial Protection and Innovation:DFPI) ได้สั่งปิดกิจการ FRB ในวันที่ 1 พ.ค.และมอบหมายบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เข้าพิทักษ์ทรัพย์ และ FDIC ได้บรรลุข้อตกลงขายกิจการ FRB ให้กับเจพีมอร์แกน เชสในทันที

ราคาหุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากชนะการเสนอซื้อ First Republic Bank และได้ครอบครองเงินฝากทั้งหมดและสินทรัพย์ส่วนใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้เจพีมอร์แกน เชส ที่เป็นหนึ่งในธนาคารใหญ่สุดของสหรัฐอยู่แล้ว มีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก

เจมี ไดมอน ซีอีโอ ของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวในการแถลงข่าวหลังการเข้าซื้อว่า การเข้าซื้อ First Republic Bank ทำให้วิกฤติในส่วนนี้จบลง

การซื้อกิจการของ FRB ได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคให้ปรับตัวลดลง ดัชนี KBW Regional Banking Index ลดลง 2.7% หุ้น Zions Bancorp ลดลง 3.7% หุ้น PacWest ลดลง 10.6%

การล่มสลายของ FRB และผลกระทบที่อาจจะเกิด อาจจะเพิ่มแรงกดดันก่อนการประชุมของเฟดที่จะเริ่มขึ้นในวันพุธ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะชะลอ

นักลงทุนยังวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ โดยเอสแอนด์พี โกลบอล รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนเมษายนปรับตัวขึ้นมาที่ 50.2 จาก 49.2 ในเดือนมีนาคม ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานดัชนีภาคการผลิตเดือนเมษายนปรับตัวขึ้นมาที่ 47.1 จาก 46.3 ในเดือนมีนาคม สูงกว่า 46.8 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์รายงาน การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.3% จากที่ลดลง 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 3.8%

นักลงทุนยังจับการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ทั้งแอปเปิล ควอลคอม และ AMD

ทิม กริสคีย์ จาก Ingalls & Snyder ในนิวยอร์กกล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่รานยงานมาแล้วนั้นถือว่าดีเมื่อเทียบกับคาดการณ์ นักวิเคราะห์จึงไม่ได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรลง และทำให้คลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการวานนี้ (1 พ.ค.) เนื่องในวันแรงงาน

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.46% ปิดที่ 75.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 79.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล