SET ดิ่ง 10 จุด แบงก์ร่วงเจอชอร์ต สินเชื่อ-กำไรไม่โต

HoonSmart.com>> ดัชนี SET ดิ่ง 10 จุด กลุ่มแบงก์กดดัน เจอขายชอร์ต  หวั่นเศรษฐกิจไทยเกิด Overhang จากความเสี่ยงทางการเมือง กระทบการขยายตัวของสินเชื่อ แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกจะปรับตัวลง-บอนด์ยีลด์ลง ไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มแบงก์ ด้านบล.ฟิลลิป คาดกำไรแบงก์ไตรมาส 2/67 ทรงตัวเมื่อเทียบ QoQ ลุ้นโตเล็กน้อยเทียบ YoY จากสินเชื่อที่ไม่ขยายตัว  ยังหวังฟื้นครึ่งปีหลังจากการเบิกใช้งบประมาณ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 16.16 น.ดัชนี SET ดิ่ง 11.23 จุด หรือ -0.84% เคลื่อนไหวที่ 1,327.09 จุด  เกิดจากแรงขายหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร เช่น BBL ซื้อขายที่ 134.50 บาทติดลบ 1.50 บาทหรือ -1.10%ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปรับตัวขึ้น

นำโดยตลาดเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1% รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปบวก คาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี ในการประชุมวันนี้ หลังจากธนาคารกลางแคนาดาปรับลด 0.25% แล้ว รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ลดลงเคลื่อนไหวแถว 4.30%

ดัชนีหุ้น ปิดที่ 1,328.41  จุด ร่วง  9.91 จุด คิดเป็น -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 45,540.06 ล้านบาท BBL  ปิดที่ 134 บาท ติดลบ 2 บาท หรือ -1.47%

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ปรับตัวลงจะไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มแบงก์ แต่จะเป็นผลดีต่อกลุ่มสื่อสาร, โรงไฟฟ้า และไฟแนนซ์ ซึ่งตลาดหุ้นเจอแรงกดดันจะมาจากการเมืองที่มีความไม่แน่นอน  อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเกิด Overhang ได้ และจะกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อที่อาจชะลอตัว รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยของทั่วโลกอยู่ในทิศทางของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มแบงก์เช่นกัน

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะยังไม่ปรับลดลงเร็ว คาดว่าการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งหน้าก็ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ย ทำให้หุ้นแบงก์น่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่ที่หุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงหรือไม่ค่อยไปไหน น่าจะเป็นผลจากสินเชื่อชะลอตัวลง เนื่องจากธนาคารมีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ไตรมาส 2/2567 กำไรจะทรงตัวเมื่อเทียบ QoQ แต่อาจโตได้เล็กน้อยเมื่อเทียบ YoY เป็นผลจากสินเชื่อที่ไม่ขยายตัว โดยในช่วง 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.) แทบไม่ขยายตัว หรืออาจลดลงเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี หากการเบิกจ่ายงบประมาณเร็ว และมีมาตรการกระตุ้นต่าง ๆ นำออกมาใช้ น่าจะทำให้สินเชื่อกลับมาดีขึ้นได้  ปกติสินเชื่อจะเติบโตได้ดีในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี ยังคาดสินเชื่อของกลุ่มแบงก์ในปี 2567 จะเติบโต 3%

ทั้งนี้ กลุ่มแบงก์ยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ยังสามารถลงทุนได้ตามปกติไปก่อน ช่วงรอดูสถานการณ์ด้านสินเชื่อในครึ่งปีหลัง แนะนำ”ซื้อ”หุ้น KBANK จัดให้เป็น Top pick ด้วยราคาเป้าหมาย 144 บาท เนื่องจากรับความเสี่ยงไปค่อนข้างมากแล้ว และคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ทำให้การตั้งสำรองฯไม่มากเหมือนปี 2566 และมีเงินฝากระยะสั้นมาก  จะได้ประโยชน์กว่าธนาคารแห่งอื่น หากดอกเบี้ยปรับตัวลง