10 โบรกฯหั่นเป้า DELTA 52.5-75 บาท รอซื้อแถว 50-60 บาท กำไรปีนี้โตชะลอ

HoonSmart.com>>10 โบรกเกอร์ส่องหุ้น DELTA หลังแตกพาร์ ให้เป้าหมายใหม่ 52.50-75.00 บาท  เห็นพ้องให้”ขาย”จาก Valuation แพงเทรด P/E กว่า 50 เท่า สูงกว่าราคาเป้าหมาย บล.ฟินันเซียฯหั่นเหลือ 56 บาท บล.หยวนต้าให้เพียง 52.50 บาท แนะน่าสนใจ รอซื้อแถว 50-60 บาท P/E 35-40 เท่า  ด้านผลงานไตรมาส 2/66 ฟื้นจากไตรมาสแรก แต่ภาพโดยรวมเติบโตชะลอ เจอแรงกดดันเศรษฐกิจโลกถดถอย ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น จากปัญหาขาดแคลน กดดันมาร์จิ้นน้อยลง คาดปี 66 กำไรสุทธิเคลื่อนไหวในช่วง 15,812-17,596 ล้านบาท

หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เริ่มซื้อขายด้วยมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์)ใหม่ที่หุ้นละ 0.10 บาท และบอร์ดล็อตใหม่ 100 หุ้น ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.2566 แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลงแรงอย่างต่อเนื่อง ปิดที่ 72.75 บาท ร่วงลง 2.05 บาทหรือ -2.74% หลังจากนักลงทุนผิดหวังกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 ออกมาจำนวน 3,614 ล้านบาทหรือกำไรหุ้นละ 0.29 บาทลดลงประมาณ 14% จากไตรมาส 4/2565

ทั้งนี้หุ้น DELTA  เทรดที่ P/E 56.09 เท่า P/BV 15.63 เท่า ราคาปิดที่ 72.25 บาท หรือ 722.50 บาท หากใช้พาร์เดิมที่ 10 บาท ลดลง 419.5 บาทหรือประมาณ 36.7% เทียบกับราคาปิดสูงสุดที่ 1,142 บาท +42 บาท เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2566 ทิศทางราคาหุ้นจะไปทางไหนดี?

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยให้ราคาเป้าหมายหุ้น DELTA ไว้ที่ 50.80 บาท ยังคงแนะนำ”ขาย” จาก Valuation ที่สูงในขณะนี้ แม้ราคาจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 76 บาท หลังแตกพาร์แล้ว ก็ยังเทรด P/E แถว 55 เท่า  เมื่อเทียบกับหุ้น DELTA ของบริษัทแม่ที่ไต้หวันจะเทรดด้วย P/E 20 เท่า เท่านั้น

อย่างไรก็ดี DELTA มีการเติบโตกำไรเฉลี่ย 18% และปี 2566 คาดการณ์กำไรสุทธิ 17,131 ล้านบาท เติบโต 13.7% ส่วนปี 2567 กำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 19,982 ล้านบาท เติบโต 16% โดยกำไรไตรมาส 1 ออกมาไม่ได้แย่ ยังคงเติบโตได้ 30% YoY และลดลง 14% QoQ โดยเมื่อเทียบ YoYเติบโตต่ำกว่าที่พรีวิวก่อนหน้าว่าจะเติบโต 50% ทั้งนี้เป็นผลจากมาร์จิ้นน้อยลงมาก จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยอย่าง IT, ยานยนต์ลดลง ส่งผลให้กลุ่มชิ้นส่วนก็ลดลงไปด้วยตามเศรษฐกิจโลก แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 เศรษฐกิจจะดีขึ้นจากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย แต่ภาพรวมปี 2566 กำไรยังไม่จูงใจมาก

นายธันย์ จิระสิทธิกร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/2566 คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้นได้ราวเกือบ 20% เมื่อเทียบ QoQ แต่จะทรงตัวเมื่อเทียบกับ YoY และในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโต 10-15% ดีกว่าเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2566

“เนื่องจาก Valuation ที่สูง จึงแนะนำ”ขาย”หุ้น DELTA แม้ตอนนี้จะเทรด P/E ลงมาเหลือกว่า 50 เท่าแล้ว จากเดิมเทรด P/E 69 เท่า คาดไตรมาส 2  กำไรจะกลับมา แถว 4,000 ล้านบาทก็แค่ดี แต่ไม่เลิศ ทำให้คิดว่ายากที่หุ้นจะกลับไปเทรดหลักพันกว่าบาทเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งผลงานไม่น่าจะโตแรงเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา“นายธันย์กล่าว

นอกจากนี้ ธุรกิจชิ้นส่วน EV อัตรากำไรน้อย ส่วน DATA Center ให้กำไรมาก แต่มีการชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 1  เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่แล้วเติบโตปีละ 60% ปีนี้จึงคาดว่ารายได้ของ DELTA จะเติบโตประมาณ 10-15% คาดกำไรปกติปี 2566 จะอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท เติบโต 12% ซึ่งยังมาจากธุรกิจ EV และ DATA Center เป็นหลัก

“Outlook ของ DELTA ไม่ดีเหมือนก่อน ทำให้มองว่าราคาหุ้นควรจะเทรด P/E แถว 35-40 เท่า ราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท ถึงจะน่าสนใจในการลงทุน เว้นแต่จะเล่นเทรดดิ้ง”

น.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ผลงานไตรมาส 2 ของ DELTA มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้เมื่อเทียบ QoQ แต่อาจจะลดลงเมื่อเทียบ YoY เนื่องจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วฐานสูง โดยมาร์จิ้นของ DELTA มีโอกาสที่จะลดลง จากวัตถุดิบที่ขาดแคลน ทำให้ราคาแพงขึ้น  บริษัทได้ปรับลดเป้ามาร์จิ้นจากเดิมกว่า 23% มาเหลือ 22-23% ขณะที่รายได้ยังคงเติบโต 15-20% ช่วงสั้นสดใสน้อยลง หากมอง Data Center ทั่วโลกชะลอ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ได้มีการลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนของ EV ลูกค้าไม่เร่งซื้อเยอะ ๆ เหมือนปีที่แล้ว (2565) บางรายก็เลื่อนซื้อสินค้าไปก่อน บางรายก็เปลี่ยนวิธีการจัดส่งสินค้า ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ DELTA มีความระมัดระวังมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ยังคาดหวังครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 17,596 ล้านบาท เติบโต 14.7% พร้อมให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 56 บาท ซึ่งคงแนะนำ”ขาย”เนื่องจากราคาหุ้นบนกระดานเทรดหลักอยู่ในระดับที่แพงไปเกินราคาเป้าหมายที่วางไว้

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่ DELTA ปรับราคาพาร์มาเหลือ 0.10 บาท จากเดิม 1  บาท ฝ่ายวิจัยก็ได้มีการปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 52.50 บาท จากเดิมอยู่ที่ 61 บาท โดยยังคงแนะนำ”ขาย”เนื่องจากราคาในตลาดอยู่สูงกว่าราคาเป้าหมาย โดยมีมุมมองผลงานในครึ่งหลังปี 2566 มีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ Data Center กลุ่มสินค้า High-end น่าจะชะลอตัว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 ไว้ที่ 15,812 ล้านบาท เติบโต 8.6% ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอการเติบโต เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา กำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 140%

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ราคาเป้าหมายของหุ้น DELTA หลังแตกพาร์จะอยู่ที่ 55 บาท ซึ่งราคาบนกระดานเทรดหลักยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคาเป้าหมาย จึงคงแนะนำ”ขาย”  และแนวโน้มผลประกอบการมีโอกาสที่จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น หลังจากที่ขาดแคลนวัตถุดิบกลุ่มชิ้นส่วนบางอย่าง แม้รายได้ในไตรมาส 2  คาดว่าจะเติบโตดี แต่ภาพรวมมีแนวโน้มที่ยังไม่ดี อีกทั้ง DELTA มีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย ทำให้คำสั่งซื้ออาจจะชะลอตัวได้ คาดกำไรสุทธิปี 2566 จะอยู่ที่ 17,400 ล้านบาท เติบโต 13% ชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่ก็มองว่าเป็นการเติบโตที่เข้าสู่ภาวะปกติ