SCCC กำไร 758 ลบ. Q1/66 ลดลง 5.5% ต้นทุนพลังงานพุ่ง

HoonSmart.com>> “ปูนซีเมนต์นครหลวง” เปิดกำไรไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 758 ล้านบาท ลดลง 5.5% จากงวดปีก่อน รายได้ 11,353 ล้านบาท หลังต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น ความต้องการในตลาดก่อสร้างในประเทศไทยและเวียดนาม การส่งออกปูนเม็ดลดลง ปรับราคาขายสินค้าช่วยชดเชย หนุน EBITDA ดีขึ้นจากไตรมาส 4/65 พร้อมคาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง ปรับราคาขายชดเชยต้นทุนสูงขึ้น

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 กำไรสุทธิ 758.32 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.54 บาท ลดลง 5.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 802.34 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.69 บาท

บริษัทฯ มีรายได้สุทธิ 11,353 ล้านบาท ลดลง 9.7% จากไตรมาส 1/2565 และลดลง 8.7% จากไตรมาส 4/2565 มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาจำนวน 1,720 ล้านบาท ลดลง 39.1% จากไตรมาส 1/2565 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2565 ส่วนใหญ่เนื่องมาจากปริมาณขายที่ลดลงในตลาดต่างประเทศ

ไตรมาสที่ 1/2566 ความต้องการในตลาดการก่อสร้างในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม รวมถึงการส่งออกปูนเม็ดลดลง แต่ถูกชดเชยด้วยการปรับราคาขายสินค้า ส่งผลให้กําไร
ก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

ความต้องการของตลาดในประเทศไทยลดลง แม้ว่ามีโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงภาคการก่อสร้างที่ซบเซาในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามใต้และเศรษฐกจิศรีลังกาที่ตกต่ำ ส่งผลต่อปริมาณการขายปูนเม็ดที่ลดลง รวมถึงราคาขายส่งออกที่ต่ำลง

แม้ว่าการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังได้รับผลกระทบจากแรงกดดัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบราคาเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังได้รับผลกระทบจากแรงกดดัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ ราคาเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น

ในไตรมาสแรกปี 2566 ต้นทุนสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นทุนพลังงาน ประกอบกับสภาพคล่องและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวของตลาดในประเทศไทยยังไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ราคายังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตลาดเวียดนามตอนใต้ชะลอตัวท่ามกลางข้อจำกัดด้านการปล่อยสินเชื่อในตลาดอสังหาริมทรัพย์และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภาคค้าปลีกอุปสงค์โดยรวมในศรีลังกาลดลงครั้งหนึ่ง เป็นผลมาจากการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจต่อเนื่องที่เกิดจากวิกฤตเงินตราต่างประเทศในปีที่แล้ว กิจการร่วมค้าในกัมพูชามีผลประกอบการที่ใกล้เคียงเดิม

ในกลุ่มบริษัทฯ การดําเนินกลยุทธ์ด้านราคายังคงดำเนินต่อไป เพื่อสะท้อยอัตราเงินเฟ้อด้านต้นทุนส่งผลส่งผลให้ประสิทธิภาพของอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากธุรกิจประเทศศรีลังกาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้กำไรสุทธิดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565

สำหรับแนวโน้มต่อจากนี้ กลุ่มบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 เนื่องมาจากการปรับราคาขายจำหน่ายสินด้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อชดเชยดันทุนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปริมาณการจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงในบางตลาด การฟื้นตัวของกำไรภายใต้แรงกดดันด้านเงินเอที่มีอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นสิ่งที่กลุ่มบริษัทให้ความสำคัญเป็นหลัก โดยภาคอุตตาหกรรมในประเทศไทยคาดว่จะมีการเติบโตในระดับกลางรวมไปถึงมีโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง

ส่วนตลาดในต่างประเทศ ปัญหาสภาพคล่องในประเทศเวียดนามตอนใต้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในประเทศศรีลังกายังดาดว่มีผลกระทบต่อความต้องการซื้อวัสดุก่อสร้าง ในขณะเดียวกันสถานการณ์การส่งออกปูนเม็ดที่ลดลงอาจจะยังคงต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าค่าพลังงานจะลดลงเล็กน้อยในปีนี้ ยังมีความพยายามที่จะสร้างความมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานและพัฒนาความสามารถในการทำกำไรให้ดียิ่งขึ้น