ส่งออกมี.ค.ลดแค่ 4.2% พลิกเกินดุลการค้า

HoonSmart.com>>พลิกล็อก เดือนมี.ค.66 ส่งออกมูลค่าสูงถึง 27,654 ล้านดอลลาร์ ลดลงเพียง 4.2% นำเข้าลดลง 7.1% พลิกกลับมาเกินดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน ได้สินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมเกษตรหนุน กระทรวงพาณิชย์มั่นใจ ปีนี้โตเข้าเป้า 1-2% ตลาดรัสเซียโตสูงสุด 138% ตามด้วยบรูไน 21.5% และซาอุดีอาระเบีย 18%

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า การส่งออกในเดือนมี.ค.2566 มีมูลค่า 27,654 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4.2% การนำเข้ามีมูลค่า 24,935 ล้านดอลลาร์ ลดลง 7.1% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 2,718 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการกลับมาเกินดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน

ส่วนในไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.2566) การส่งออก มีมูลค่ารวม 70,280 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.5% การนำเข้า มีมูลค่า 73,324 ล้านดอลลาร์ ลดลง 0.5% ขาดดุลการค้า 3,044 ล้านดอลลาร์

“การส่งออกในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แม้จะยังหดตัว แต่มูลค่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือน เป็นรองจากเดือนมี.ค.2565 ที่การส่งออกอยู่ที่ 28,000 ล้านดอลลาร์ และไม่ได้ติดลบไปถึง 2 หลัก ตามที่หลายสำนักคาดการณ์ไว้ เนื่องจากสินค้าหลายรายการสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากการขยายตัวของกลุ่มสินค้าเกษตร เพราะเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ ส่งออกไปตลาดจีนสูง ขยายตัวได้ถึง 2 หลัก รวมถึงไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ก็ขยายตัวได้ดี” นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ

นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่า ในปีนี้กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้การส่งออกเติบโต 1-2% ในแต่ละเดือนจะต้องได้เฉลี่ย 24,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคเอกชนผู้ส่งออก  ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยในแต่ละภูมิภาคของโลกยังอยู่ในระดับสูง ภาวะวิกฤตของสถาบันการเงิน ยังเป็นปัจจัยบั่นทอนต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และภาคธุรกิจ รวมไปถึงความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อผันผวนของราคาพลังงาน

ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์และการเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และการทำความตกลงทางการค้าในระดับท้องถิ่นกับตลาดศักยภาพในจีน เกาหลีใต้ และอินเดีย ช่วยสนับสนุนการนำรายได้เข้าสู่ประเทศ และคาดว่าจะช่วยประคับประคองการส่งออกของไทยให้ผ่านพ้นภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ โดยจะมีการประชุมทูตพาณิชย์ และ กรอ.พาณิชย์ ในวันที่ 23 พ.ค.นี้  ร่วมกันกำหนดแผนระยะ 2 ในการเร่งรัดการส่งออก และร่วมกันกำหนดทิศทางต่างๆ เพื่อทำให้การส่งออกในปีนี้ยังมีการขยายตัวเป็นบวกได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ด้านนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกเดือนมี.ค.นี้ ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้  เมื่อพิจารณาในรายกลุ่มสินค้า พบว่า สินค้าเกษตร มีมูลค่า 2,193 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2  เช่น ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง, ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง, ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่า 2,332 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.1% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2  เช่น น้ำตาลทราย, ไขมัน-น้ำมันจากพืชและสัตว์ และเครื่องดื่ม ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 22,236 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5.9% หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แต่ยังมีสินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น รถจักรยานยนต์, เครื่องปรับอากาศ, อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์ และไดโอด, หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น

“สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลายรายการ มีสัญญาณที่ดีจากการกลับมาเป็นบวกในตลาดที่มีสัดส่วนสำคัญต่อการส่งออก อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย อีกทั้งยังกลับมาเกินดุลการค้าในรอบ 12 เดือน” รมช.พาณิชย์ ระบุ

สำหรับตลาดสำคัญที่การส่งออกขยายตัวสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย  1.รัสเซีย 138% 2. บรูไน 21.5% 3.ซาอุดีอาระเบีย 18% 4.แอฟริกาใต้ 16.4% 5.ญี่ปุ่น 10.2% 6.ลาว 8.6% 7.เม็กซิโก 6.7% 8.สหราชอาณาจักร 5.8% 9.อินโดนีเซีย 5.2% และ 10.เกาหลีใต้ 4.7%

ปัจจัยหนุนที่สำคัญของการส่งออกสินค้าของไทย คือ 1.ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารจากประเทศคู่ค้ายังคงมีต่อเนื่อง เพื่อสำรองไว้บริโภคภายในประเทศ 2.การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศจีน ส่วนปัจจัยท้าทายที่สำคัญ คือ 1.ภาคการผลิตโลกมีแนวโน้มชะลตัวต่อเนื่อง 2.การส่งออกบางสินค้าอยู่ในช่วงขาลง ตามความต้องการที่ลดลงจากการสั่งซื้อสินค้าไปก่อนหน้านี้แล้ว