ดาวโจนส์ปิดบวก 66 จุด ช่วงรอดูงบฯ-ข้อมูลศก.

HoonSmart.com>>ดัชนีฯดาวโจนส์ปิดบวก 66.44 จุด, ดัชนี S&P500 บวก 3.52 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลบ 35.25 จุด ในช่วงรอรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ-ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ฟากตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบเล็กน้อย ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ต่างขยับตัวขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 24 เมษายน 2566 ที่ 33,875.40 จุด เพิ่มขึ้น 66.44 จุด หรือ 0.20% นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ และการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, +0.09%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,037.20 จุด ลดลง 35.25 จุด, -0.29%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 3.51% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ลดลงมาที่ 4.14%

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ทั้งอัลฟาเบท ไมโครซอฟต์ แอมะซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์

หลังธนาคารใหญ่รายงานผลการดำเนินงาน นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารระดับภูมิภาค โดย First Republic Bank รายงานหลังปิดตลาด

ส่วนธนาคารเครดิต สวิสรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสแรกว่า มีผู้ฝากเงินถอนเงินออก 75 พันล้านดอลลาร์แม้ธนาคารยูบีเอสตกลงที่จะซื้อกิจการในเดือนมีนาคม

คริส ฮาร์วีย์ จาก Wells Fargo Securities กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะมีการรายงานผลการดำเนินงานออกมาจำนวนมาก นักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยี

ตลาดวิตกต่อการถดถอยของผลการดำเนินงาน ซึ่งนักลงทุนคาดว่าผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะลดลงติดต่อกันสองไตรมาส จนถึงตอนนี้ 68% ของบริษัทรายงานกำไรต่อหุ้นดีกว่าคาด แต่ลดลงจาก 90% ในสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนยังจับตากการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ ทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟด ให้ความสำคัญ เพื่อประเมินว่าเงินเฟ้อลดลงหรือไม่และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมหรือไม่

นักวิเคราะห์คาดว่า GDP ไตรมาสแรกจะขยายตัว 2.2% จาก 2.6% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2022

หุ้นโคคา-โคล่าลดลง 0.16% หลังรายงานยอดขายทั่วโลกในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 5% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้น Bed Bath & Beyond ธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ลดลง35.7% หลังบริษัทตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายมื่อวันที่ 23 เม.ย.

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบเล็กน้อย ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยหุ้นฟิลิปส์ บริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพในเนเธอร์แลนด์พุ่งขึ้น 13.8% จากผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังได้สำรองเงินไว้ 575 ล้านยูโร (631 ล้านดอลลาร์) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนอุปกรณ์ทางการแพทย์ 5.5 เครื่อง

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์เพิ่ม 0.1% กลุ่มเทคโนโลยีลดลง 1.0%

นักลงทุนจับตาการรายงานผลการดำเนินงานของธนาคารใหญ่ในสัปดาห์นี้ทั้ง บาร์เคลย์ ซานทานแดร์ ดอยซ์ แบงก์ และยูบีเอส รวมไปถึงบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เนสท์เล่, เรกคิทท์ และยูนิลีเวอร์

หุ้น LVMH มีมูลค่าตลาด(market capitalization)ทะลุ 500 พันล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัทยุโรปรายแรกที่มาร์เก็ตแคปสูงกว่า 500 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งยังเป็นบริษัทยุโรปที่มีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสหรัฐอีกด้วย

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 468.97 จุด ลดลง 0.03 จุด, -0.01%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,912.20 จุด ลดลง 1.93 จุด,-0.02%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,573.86 จุด ลดลง 3.14 จุด,-0.04%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,863.95 จุด ลดลง 17.71 จุด,-0.11%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 78.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.31% ปิดที่ 82.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล