APURE เป้ารายได้ปีนี้โต 30-40% ลุยธุรกิจใหม่ “ข้าวโพดแช่แข็ง”

HoonSmart.com>>”อกริเพียว โฮลดิ้งส์”(APURE) วางเป้ารายได้ปีนี้โต 30-40% เดินหน้าธุรกิจใหม่”ข้าวโพดแช่แข็ง”คาดหวังรายได้ราว 700-800 ล้านบาท/ปี ตามแผนสิ้นปี 68 ขยายกำลังผลิต 80-85% ของกำลังผลิต 150 ตันต่อวัน มีแผนทำผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์-พลังงานจากส่วนที่เหลือทิ้ง ที่เคยขายกิโลกรัมละ  0.40-0.50 บาท หลังนำเม็ดข้าวโพดออกมาใช้แล้ว ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม 4-5 บาทต่อกิโลกรัม 

นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 เติบโต 30-40% มาจากธุรกิจขายข้าวโพดเป็นหลัก ซึ่งเป็นการส่งออก 95-97% ไปกว่า 70 ประเทศ หลังครึ่งแรกปี 66 บริษัทจะส่งตัวอย่างข้าวโพดแช่แข็งไปให้ลูกค้าเป็นตัวอย่าง (Test) และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/66

ทั้งนี้ ธุรกิจแช่แข็งบริษัทได้เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา มีการตั้งโรงงานใหม่ และติดตั้งเครื่องจักร ด้วยเงินลงทุนประมาณ 60-70 ล้านบาทคาดหวังรายได้จากธุรกิจแช่แข็งประมาณ 700-800 ล้านบาทต่อปี โดยสิ้นปี 68 จะขยายกำลังผลิตได้ 80-85% ของกำลังการผลิต 150 ตันต่อวัน โดยธุรกิจแช่แข็ง เริ่มจากข้าวโพดก่อนตามความต้องการของลูกค้า จากนั้นจะต่อยอดแช่แข็งถั่วแระญี่ปุ่น, ถั่วเขียว, ถั่วดำ ฯลฯ

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขยายธุรกิจอีกหลายอย่าง  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบ   เช่น ส่วนที่ต้องทิ้ง (Waste) หลังจากที่นำเม็ดข้าวโพดออกมาแล้ว ก็จะมีแกนข้าวโพด และเศษฟาง บริษัทฯมีแผนที่จะนำกลับมาใช้ประโยชน์ ในการทำผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และพลังงาน ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยจะได้เม็ดข้าวโพดออกมา 6 หมื่นกว่าตันต่อปี อีก 1.2 แสนตันเป็นส่วนที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ที่ผ่านมาบรืษัทจะนำไปขาย ในราคากิโลกรัมละ  40-50 สตางค์ แต่หากบริษัทนำมาใช้ประโยชน์ในการทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และพลังงานแล้ว  น่าจะได้มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นราว 4-5 บาทต่อกิโลกรัม การทำผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บริษัทฯคาดว่าจะจ้างคนอื่นทำก่อน ส่วนการทำพลังงานสามารถทำได้เร็วกว่า

APURE เป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) โดยดำเนินธุรกิจผ่านทางบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูป ประเภทข้าวโพดบรรจุกระป๋อง ผัก ผลไม้สดและเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด

ด้านหุ้น APURE ปิดตลาดวันที่ 21 เม.ย. ที่ 5.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ +0.81% มูลค่าซื้อขาย 11.51 ล้านบาท