HoonSmart.com>>>”พีลาทัส มารีน” เคาะขาย IPO จำนวน 280 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.55 บาท P/E 3.92 เท่า ให้ส่วนลดเพียบเทียบหมวดบริการเฉลี่ย 46.91 เท่า ส่งเข้าเทรด mai เดือนเม.ย.นี้ ชูจุดแข็งผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) มาร์จิ้นสูง คู่แข่งน้อยราย รายใหม่เข้ายาก ลูกค้ารายใหญ่ผูกสัญญาตลอดไป ระดมเงินขยายธุรกิจ บุกตลาดต่างประเทศ แผนธุรกิจระยะยาวก้าวขึ้นสู่ผู้นำโลจิสติกส์ สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
นายวราวิช ฉิมตะวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน (PLT) ผู้นำในธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ทางเรือและทางรถ เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งแรกให้ประชาชน(IPO) จำนวน 280 ล้านหุ้น ระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ และแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว บริษัทจะไม่หยุดเพียงธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ทางเรือและทางรถเท่านั้น วางเป้าหมายเป็นผู้นำในธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งในและต่างประเทศ ให้บริการขนส่งสินค้าหลากหลาย หลังจากมีประสบการณ์ขนส่ง LPG ที่มีความเสี่ยงสูงสุด ด้วยคุณภาพการบริการที่ได้มาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล เป็นที่ยอมรับของลูกค้าได้แล้ว
“เรามีจุดแข็งที่มีคู่แข่งเพียง 4 ราย โดยเรามีจำนวนกองเรือขนส่ง LPG มากที่สุดถึง 19 ลำ ขนาดเรือตั้งแต่ 570-900 ตัน อายุเฉลี่ยน้อยที่สุดของประเทศ 30 ปี ส่วนอันดับสองเป็นลูกของบริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) มีเรือ 4 ลำ ให้บริการแม่เป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันธุรกิจยังมีคู่เแข่งรายใหม่เข้ามายาก เมื่อเราระดมทุนจากตลาด นำไปขยายกองเรือ ช่วยบริหารต้นทุน และมีการอำนาจต่อรองกับอู่ซ่อมเรือสูงขึ้น เพิ่มอัตรากำไร ขณะเดียวกันลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายใหญ่ของประเทศ ก็มีความเชื่อมั่นเราสูง โดย OR มีสัญญาตลอดไป ส่วน WP สัญญาระยะยาว 15 ปี ส่งผลให้มีรายได้ที่ต่อเนื่อง นอกจากนี้เรือที่เพิ่มขึ้น ยังมีขนาดใหญ่ รองรับการวิ่งระหว่างประเทศ ให้กับปตท.ในการส่ง LPG ไปขายที่เวียดนาม ที่สำคัญ เราซื้อเรือในแต่ละครั้ง จะมีสัญญาขนส่งอยู่ในมือแล้ว สร้างมาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 18% และมีการซื้อประกันรองรับความเสี่ยงมูลค่า 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธุรกิจมีความเสี่ยง ที่มีการพึ่งพาลูกค้าน้อยราย จึงคาดว่า PLT จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ PLT ในการการต่อยอดความสำเร็จและสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปด้วยกัน” นายวราวิช กล่าว
วัตถุประสงค์ในการระดมทุน จะนำไปลงทุนซื้อเรือทดแทนเรือที่ถึงกำหนดปลดระวางเพื่อลดอายุเฉลี่ยกองเรือ เพิ่มอัตราค่าขนส่งและลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษา ขยายกองเรือบรรทุกก๊าซ LPG และก๊าซเคมีเหลวเพื่อเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ขนส่งไปยังกลุ่มสินค้าก๊าซเคมีเหลวประเภทผลิตภัณฑ์สายโอเลฟินส์ และขยายช่องทางและเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยัง CLMV ขยายกองรถบรรทุกก๊าซ LPG เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต พร้อมติดตั้งระบบ ERP ภายในองค์กร ปรับปรุงลานจอดรถบรรทุกก๊าซ LPG ก่อสร้างโรงซ่อมบำรุงรถบรรทุก และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ด้านผลประกอบการ 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2565) บริษัทมีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่ง 707.77 ล้านบาท 637.75 ล้านบาท 665.34 ล้านบาท และ 794.16 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ในปี 2565 เติบโต 17.13% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการขนส่งทางเรือและทางรถที่เพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง และมีกำไรสุทธิ 4 ปีก่อนหน้า เท่ากับ 69 ล้านบาท 35.93 ล้านบาท 55.07 ล้านบาท และ 62.21 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจขนส่ง LPG ทางเรือประมาณ 94% และทางรถประมาณ 6%
ขณะที่ นางสาวรัชนี ชาติบัญชาชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ของ PLT นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัท สร้างความสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล ในฐานะที่ PLT เป็นบริษัทชั้นนำในการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถ ที่มีความแข็งแกร่งด้วยทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ บุคคลที่มีความรู้และผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพมากว่า 13 ปี รวมถึงมีจำนวนกองเรือขนส่ง LPG มากที่สุดในประเทศ ทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายใหญ่ของประเทศ เช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ หรือ WP และ บริษัท ปตท. หรือ PTT ไว้วางใจเลือกใช้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดมา ทำให้บริษัทมีรายได้ในปี 2562 – 2565 กว่า 70% จากสัญญาระยะยาวจากลูกค้าหลัก ที่มีอัตราค่าขนส่งไม่ผันผวนตามดัชนีค่าระวางเรือเหมือนกับบริษัทเดินเรือทั่วไปที่มีรายได้ขึ้นลงตามตลาดโลก รวมทั้งมีคู่แข่งน้อยรายในอุตสาหกรรมเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูงและต้องมีระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า PLT จะเป็นหุ้นคุณภาพที่เติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมขนก๊าซปิโตรเลียมเหลว ที่ในปัจจุบันมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีทิศทางเติบโตอย่างชัดเจนตามการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ รวมถึงราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซ LPG มีปริมาณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้มั่นใจว่า ปี 2566 PLT จะสามารถสร้างการเติบโตและเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
ด้าน นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า PLT เสนอขายหุ้น จำนวน 280 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.55 บาท จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 19-21 เม.ย. 2566 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ ภายในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ PLT ถือเป็นบริษัทระดับแนวหน้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้คงการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถของประเทศ จากลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทที่ให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทางเรือเป็นหลัก จึงเห็นได้ว่าธุรกิจของบริษัทมีความแตกต่างจากบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจขนส่งทางเรือประเภท เรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง (Dry Bulk Carrier) หรือเรือบรรทุกสินค้าบรรจุตู้ (Container Vessel) หรือเรือขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Tanker) โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน
โดยการขนส่ง LPG ซึ่งมีระดับความอันตรายในการขนส่งสูง ต้องมีขั้นตอนกระบวนการขนส่งที่อาศัยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและผลงานที่ต้องได้มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ จากลูกค้าคู่ค้า และมีเม็ดเงินลงทุนที่สูง ส่งผลให้มีผู้เล่นในอุตสาหกรรมน้อยราย และมีการแข่งขันไม่สูง โดยการเติบโตของอุตสาหกรรมเป็นไปตามความต้องการก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือนและในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
นอกจากนี้การกำหนดอัตราค่าขนส่งของบริษัทมีสูตรการคิดอัตราค่าขนส่งเฉพาะซึ่งอาจแปรผันตามราคาน้ำมันที่สถานีบริการในประเทศส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้อ้างอิงดัชนีราคาขนส่งตามกลไกของดัชนีค่าขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ตามราคาตลาดโลกซึ่งมีความผันผวนสูง จึงมีความแตกต่างจากบริษัทขนส่งทางเรือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากพิจารณาบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขนส่งทางเรือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าบริษัทส่วนใหญ่เป็นการขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ที่มีราคาผันผวนไปตามราคาตลาดโลกและมีการคิดอัตราค่าขนส่งตามดัชนีราคาขนส่งที่แปรผันไปตามกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นจึงไม่มีบริษัทที่สามารถนำมาเปรียบเทียบในการประเมินราคาได้
“ราคาขายที่หุ้นละ 1.55 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน สอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบัน และอัตราการเติบโตของบริษัทในอนาคต คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 23.92 เท่า เทียบกับหมวดธุรกิจบริการใน mai P/E เฉลี่ยเท่ากับ 46.91 เท่า โดยให้ส่วนลดมาก เพื่อตอบแทนแก่ผู้จองซื้อและรองรับความผันผวนของตลาดด้วย” นางสาวพัชพรกล่าว