BYD ร่วง 5.8% หาเหตุผลไม่เจอ PP ยังขายไม่ได้ ปีนี้พลิกกำไร

HoonSmart.com>>หุ้นบล.บียอนด์ (BYD) ร่วง 5.8%  ไร้เหตุผล ยันไม่ใช่ฝีมือนักลงทุนที่ซื้อเพิ่มทุนแบบเจาะจง ราคา 7.062 บาท สาดใส่ ยังขายไม่ได้ต้องรอปลายเดือนก.ย. ขณะที่พื้นฐานแกร่งยิ่งขึ้น  ปีนี้พลิกมีกำไร  สภาพคล่องสูงปล่อยมาร์จิ้นเพิ่ม  ให้ไทยสมายล์บัสยืม ส่งรายได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท/ปี  รับรถเมล์ EV วิ่งให้บริการไตรมาสแรก 400 คัน คาดทั้งปี 1,850 คัน รวมสิ้นปีเฉียด 3,000 คัน เดินเรือ EV  ด้วย มีคาร์บอนเครดิตกว่า 2.5 แสนตันต่อปีพร้อมขาย

 

วันที่ 22 มี.ค.2566 หุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD)มีการซื้อขายผิดปกติ ราคารูดลงแรงปิดที่ 8.90 บาทร่วง 0.55 บาท คิดเป็น -5.82% ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาตา จำนวน 146.84 ล้านบาท สวนทางกับภาพตลาดโดยรวม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,585.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด คิดเป็น 0.50%

น.ส. ออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD)ให้ข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน(Opportunity Day) ว่า กรณีราคาหุ้นปรับตัวลงแรง ไม่ทราบว่าเกิดจากปัจจัยอะไร และไม่ได้เกิดจากการขายหุ้นของนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 1,313 ล้านหุ้น ที่ราคา 7.062 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าประมาณ 9,272 ล้านบาท เนื่องจากยังติดไซเร้นท์ พีเรียด ซึ่งจะสามารถขายหุ้นได้ปลายเดือนก.ย.2566

นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง ยังสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ดีขึ้นจากปี 2565 ที่ธุรกิจหลักทรัพย์เริ่มมีกำไรประมาณ 155 ล้านบาท โดยในปี 2566 บริษัทมีสภาพคล่องสูงจากการเพิ่มทุน สามารถนำไปขยายธุรกิจมาร์จิ้นในการซื้อหลักทรัพย์ ขณะที่ไม่มีต้นทุนทางการเงิน รวมถึงยังมีรายได้จากการปล่อยกู้ให้กับ บริษัท ไทยสมายล์บัส อย่างต่อเนื่อง อีกไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท/ปี

ส่วนธุรกิจเดินรถเมล์ EV ก็ดีขึ้น ในไตรมาสแรก รับรถเพิ่มประมาณ  400 คัน ทั้งปีคาดรับรถจำนวน 1,850 คัน รวมสิ้นปีเฉียด 3,000 คัน   เมื่อรวมกับการให้บริการเรือ EV ทำให้มีคาร์บอนเครดิตกว่า 2.5 แสนตันต่อปี พร้อมจะขาย แต่ต้องพิจารณาราคาประกอบด้วย