HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดพุ่ง 21.73 จุด แข็งแกร่งกว่าตลาดเอเชียหลังผ่อนคลายวิกฤตภาคการเงินในสหรัฐ-ยุโรป กลุ่ม Domestic plays หนุน หลังยุบสภา-จะเลือกตั้ง นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2,163.31 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 948.89 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ไปต่อหลังยืนเหนือ 1,570 แนวต้าน 1,580-1,585 ถัดไป 1,600 แนวรับ 1,570-1,540 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 21 มี.ค.2566 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,577.18 จุด เพิ่มขึ้น 21.73 จุด หรือ +1.40% มูลค่าซื้อขาย 53,355.27 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,579.69 จุด ต่ำสุด 1,561.65 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,187.04 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 27.37 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 948.89 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2,163.31 ล้านบาท
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นในช่วงบ่ายนี้เร่งตัวขึ้น ดูแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่บวกเฉลี่ย 1% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็ปรับขึ้นกว่า 1% หลังคลายความกังวลปัญหาภาการเงินในสหรัฐ และยุโรป ซึ่งตลาดได้ตอบรับไปแล้ว และยังไม่มีข่าวลบออกมาเพิ่มอีก ทำให้ตลาดรีบาวด์ได้ในช่วงสั้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากการยุบสภา และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Domestic plays ปรับตัวขึ้นมาหนุนตลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, โรงไฟฟ้า, สื่อสาร ต่งก็ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง และเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมถึงหุ้นในกลุ่มธนาคารวันนี้ก็ฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง จึงคาดว่านักลงทุนสถาบันจะเป็นผู้ซื้อในวันนี้ พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 มี.ค.นี้
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค) ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้หลังจากที่ยืนเหนือ 1,570 จุด โดยมีแนวรับ 1,570-1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,585 ถัดไป 1,600 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
ADVANC ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ +2.39% มูลค่าซื้อขาย 2,908.99 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +1.62% มูลค่าซื้อขาย 2,586.16 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 988.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ +0.82% มูลค่าซื้อขาย 1,932.96 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 70.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.36% มูลค่าซื้อขาย 1,413.29 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ +1.93% มูลค่าซื้อขาย 1,186.10 ล้านบาท